โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ? เมื่อคนไทยทุกคนต้องยื่นภาษีภายใต้ Negative Income Tax

BT Beartai

อัพเดต 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา
จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ? เมื่อคนไทยทุกคนต้องยื่นภาษีภายใต้ Negative Income Tax

คำว่า Negative Income Tax หรือ ภาษีเงินได้ติดลบ ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมไทยเพียงชั่วข้ามคืน หลังจากการเปิดเผยแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงการคลังที่ตั้งเป้าจะนำระบบนี้มาใช้จริงภายในปี 2570 แนวคิดที่อาจพลิกโฉมระบบสวัสดิการและโครงสร้างภาษีของประเทศครั้งใหญ่นี้คืออะไร ? และเมื่อวันที่คนไทยทุกคนต้องเข้าสู่ระบบภาษีมาถึง…อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง?

บทความนี้จะพาไปสำรวจทุกมิติของ Negative Income Tax (NIT) ตั้งแต่แนวคิดพื้นฐาน วิธีการคำนวณ ผลกระทบต่อคนแต่ละกลุ่ม ไปจนถึงภาพรวมของประเทศไทยในวันที่นโยบายนี้ถูกบังคับใช้

Negative Income Tax คืออะไร ?

ลองจินตนาการถึงระบบภาษีที่กลับด้าน จากเดิมที่รัฐเป็นฝ่ายเก็บ จากผู้มีรายได้สูง มาสู่การที่รัฐให้กับผู้มีรายได้น้อย นั่นคือแนวคิดหลักของ Negative Income Tax

แนวคิดนี้เกิดขึ้นครั้งแรกในช่วงทศวรรษ 1960 โดยนักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล มิลตัน ฟรีดแมน (Milton Friedman) ที่มองว่าวิธีแก้ปัญหาความยากจนที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพที่สุด คือการให้เงินสดกับคนจนโดยตรง เพื่อลดความซ้ำซ้อนของระบบสวัสดิการที่ไม่ตรงเป้าหมาย

หลักการทำงานของ NIT ในบริบทของไทยที่จะเกิดขึ้น มีเงื่อนไขสำคัญเพียงข้อเดียวคือ ประชาชนทุกคนที่มีรายได้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี

  • ถ้ารายได้สุทธิสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด จะต้องจ่ายภาษีตามปกติเหมือนทุกวันนี้
  • ถ้ารายได้สุทธิต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ไม่เพียงแต่ไม่ต้องเสียภาษี แต่รัฐบาลจะโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีให้คุณแทน เสมือนว่าคุณจ่ายภาษีติดลบ

เป้าหมายหลักของกระทรวงการคลังคือการปฏิรูประบบสวัสดิการที่กระจัดกระจายกว่า 20 โครงการให้รวมเป็นหนึ่งเดียว สร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Data Lake) เพื่อให้รัฐมองเห็นรายได้ของประชาชนทุกคน และสามารถจัดสรรความช่วยเหลือได้อย่างแม่นยำและตรงจุดขึ้น

วิธีคำนวณ NIT: ใครได้เท่าไหร่ เพื่อให้ก้าวผ่านความยากจน ?

แม้โมเดลสุดท้ายยังต้องรอการกำหนดที่ชัดเจน แต่โดยหลักการสากลแล้ว NIT จะมีองค์ประกอบสำคัญคือ เกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ และ อัตราเงินโอน ซึ่งมักจะแบ่งเป็นช่วง ๆ เพื่อสร้างแรงจูงใจ

จากข้อมูลการศึกษาของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)* ได้มีการเสนอโมเดลตัวอย่างสำหรับประเทศไทยไว้ดังนี้

  • เกณฑ์รายได้ขั้นต่ำ (เส้นความยากจน): 30,000 บาท/ปี
  • เพดานรายได้สูงสุดที่จะได้รับความช่วยเหลือ: 80,000 บาท/ปี

*อ้างอิงจาก “เศรษฐกิจการคลังไทย: ความท้าทาย การปฏิรูป และความยั่งยืน” ปี 2557

กลไกอัตราเงินโอนจาก NIT

Negative Income Tax แบ่งรูปแบบการจ่ายเงินช่วยเหลือออกเป็น 2 ช่วง แบ่งจากเกณฑ์รายได้

  • ช่วงสร้างแรงจูงใจ (Phase-in)

  • สำหรับผู้มีรายได้ 0 – 30,000 บาท/ปี

  • อัตราเงินโอน 20%

  • หมายความว่า ทุก ๆ 1 บาทที่คุณหามาได้ รัฐจะสมทบให้อีก 0.20 บาท

  • ช่วงลดหลั่น (Phase-out)

  • สำหรับผู้มีรายได้ 30,001 – 80,000 บาท/ปี

  • อัตราการลดเงินโอน: 12%

  • หมายความว่า เงินช่วยเหลือจะค่อย ๆ ลดลง จนเป็นศูนย์เมื่อคุณมีรายได้ถึง 80,000 บาท

มาลองดูตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น

เคส 1: คุณ ก. เกษตรกร มีรายได้ 20,000 บาท/ปี

  • รายได้ของเขาอยู่ในช่วง Phase-in
  • เขาจะได้รับเงินโอน: 20,000 x 20% = 4,000 บาท
  • รายได้รวมสุทธิของคุณ ก. = 20,000 + 4,000 = 24,000 บาท

เคส 2: คุณ ข. พนักงานพาร์ตไทม์ มีรายได้ 50,000 บาท/ปี

  • รายได้ของเธออยู่ในช่วง Phase-out
  • เงินโอนสูงสุดที่เส้น 30,000 บาท คือ 6,000 บาท
  • รายได้ส่วนที่เกินมา: 50,000 – 30,000 = 20,000 บาท
  • เงินโอนจะถูกลดลง: 20,000 x 12% = 2,400 บาท
  • เธอจะได้รับเงินโอน: 6,000 – 2,400 = 3,600 บาท
  • รายได้รวมสุทธิของคุณ ข. = 50,000 + 3,600 = 53,600 บาท

เคส 3: คุณ ค. พนักงานออฟฟิศ มีรายได้ 180,000 บาท/ปี (เงินได้สุทธิหลังหักลดหย่อน 160,000 บาท)

  • รายได้ของเขาสูงกว่าเกณฑ์ 80,000 บาท เขาจึงไม่ได้รับเงินโอน
  • เนื่องจากเงินได้สุทธิเกิน 150,000 บาท เขาจะต้อง เสียภาษี ตามอัตราปกติ

จะเห็นว่าระบบนี้ไม่ได้ให้เงินฟรี ๆ ยิ่งคุณทำงานหารายได้ (ในช่วงแรก) รัฐก็ยิ่งช่วยสมทบ เพื่อเป็นบันไดให้คุณก้าวพ้นเส้นความยากจน

เมื่อการ “หนีภาษี” มาถึงทางตัน ถ้าคนต้องจ่าย รัฐก็ต้องเปลี่ยน

การบังคับให้ทุกคนยื่นภาษี คือการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ จากข้อมูลปี 2565 จากสภาพัฒน์พบว่า แรงงานในระบบมีจำนวน 19 ล้านคน แต่ยื่นภาษีเพียง 10.7 ล้านคน และเสียภาษีจริงแค่ 4.2 ล้านคน นั่นหมายความว่า NIT จะดึงคนอีกหลายสิบล้านคนเข้าสู่ระบบเป็นครั้งแรก แต่ปัญหาคือคนไทยมีความเข้าใจผิดและอคติเกี่ยวกับการจ่ายภาษี

การสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบภาษีเพื่อลดความตื่นตระหนกและอคติจึงเป็นก้าวที่สำคัญอย่างมากของภาครัฐ เพื่อฉายภาพให้เห็นว่าการเสียภาษีจะนำไปสู่ประโยชน์ที่จับต้องได้ และรัฐต้องทำให้เกิดขึ้นจริงด้วย

ในบทสนทนาของเด็กจบใหม่จำนวนไม่น้อยเมื่อเข้าสู่ระบบการทำงานและระบบภาษีมักมีคำพูดที่ว่าไม่เห็นรู้เลยว่าต้องจ่ายภาษี หรือโรงเรียนไม่ได้สอนเรื่องเหล่านี้เลย จึงทำให้พวกเขารู้สึกว่าการเสียภาษีเป็นเรื่องยุ่งยากแม้รายได้สุทธิจะไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีก็ตาม การทำให้การเสียภาษีเป็นเรื่องธรรมดาจึงเป็นความท้าทายของระบบการศึกษา

นอกจากการเปลี่ยนมายด์เซตและมุมมองของประชาชนที่มีต่อภาษีแล้ว การบังคับใช้กฎหมายสำหรับผู้ที่ไม่จ่ายภาษีอย่างเคร่งครัดก็จำเป็นด้วยเช่นเดียวกัน การไม่เข้าร่วมระบบจะส่งผลเสียร้ายแรงกว่าแค่การจ่ายค่าปรับตามกฎหมายสรรพากร เพราะรัฐสามารถกำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมได้ เช่น

  • ตัดสิทธิ์จากสวัสดิการ: หากข้อมูลของคุณไม่อยู่ในระบบภาษี คุณอาจถูกตัดสิทธิ์การเข้าถึงสวัสดิการของรัฐบางอย่างหรือทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหลักประกันสุขภาพ, เงินกู้เพื่อการศึกษา หรือความช่วยเหลืออื่น ๆ
  • ค่าปรับและโทษทางอาญา: สำหรับการจงใจแจ้งข้อมูลเท็จเพื่อรับเงินโอน อาจมีบทลงโทษที่รุนแรงทั้งจำและปรับ
  • การตรวจสอบย้อนหลัง: เมื่อมีฐานข้อมูลที่ครอบคลุม การตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินเพื่อหาผู้ที่อยู่นอกระบบจะทำได้ง่ายขึ้นมาก

ข้อดี-ข้อเสีย NIT

มาดูภาพรวมข้อดี-ข้อเสียของ Negative Income Tax กัน

ข้อดี

  • สวัสดิการตรงเป้า แก้ปัญหาคนจนไม่จริง ที่ได้รับความช่วยเหลือได้อย่างเด็ดขาด เงินทุกบาทจะถูกส่งตรงถึงคนที่ต้องการจริง ๆ
  • ลดความซ้ำซ้อนและประหยัดงบประมาณ ยุบรวมโครงการสวัสดิการที่ไร้ประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดการมหาศาล
  • สร้างแรงจูงใจในการทำงาน แตกต่างจากนโยบายประชานิยมที่ให้เปล่า NIT สนับสนุนให้คนทำงานเพื่อยกระดับชีวิตตนเอง
  • ขยายฐานภาษีอัตโนมัติ รัฐจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากกลุ่มคนที่ไม่เคยเสียภาษีมาก่อน โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นอัตราภาษี
  • กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เงินที่โอนให้ผู้มีรายได้น้อยจะถูกนำไปใช้จ่ายทันที ทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ

ข้อเสีย

  • แรงต้านมหาศาล กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงสูงที่อยู่นอกระบบจะเสียประโยชน์และต่อต้านนโยบายนี้อย่างแน่นอน
  • ความยุ่งยากในการพิสูจน์รายได้ การตรวจสอบรายได้ของแรงงานนอกระบบ เช่น พ่อค้าแม่ค้า เกษตรกร หรือฟรีแลนซ์ เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและเสี่ยงต่อการทุจริต ซึ่งต้องอาศัยศีลธรรมในตัวบุคคล และการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพของหน่วยงาน
  • การสื่อสารที่ต้องชัดเจน รัฐต้องทำการบ้านอย่างหนักเพื่อสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจว่า “การยื่นแบบ ไม่เท่ากับ ต้องเสียภาษี” เพื่อลดความตื่นตระหนก

สรุปผลกระทบ NIT ใครได้ ใครเสีย ?

กลุ่มผู้ได้ประโยชน์สูงสุดจาก Negative Income Tax จะเป็นกลุ่มคนจนและผู้มีรายได้น้อยที่ทำงาน ซึ่งจะได้รับเงินช่วยเหลือโดยตรง ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและหลุดพ้นจากความยากจนได้เร็วขึ้น และถัดมาจะเป็นผู้ที่ตกหล่นจากสวัสดิการเดิม ที่เข้าไม่ถึงความช่วยเหลือของรัฐ

กลุ่มผู้เสียประโยชน์จะเป็นกลุ่มผู้มีรายได้พอสมควรแต่ไม่เคยยื่นภาษี จะถูกบังคับเข้าสู่ระบบ และอาจต้องเริ่มจ่ายภาษีเป็นครั้งแรกในชีวิต ส่วนผู้ที่เสียภาษีเป็นประจำอยู่แล้ว กระบวนการส่วนใหญ่จะเหมือนเดิม แต่อาจมีการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น

ความท้าทายของ Negative Income Tax อาจไม่ใช่เรื่องของตัวเงินหรือเทคโนโลยี’ แต่อยู่ที่ความไว้วางใจระหว่างรัฐและประชาชน รัฐจะเชื่อมั่นในข้อมูลที่ประชาชนยื่น และประชาชนจะเชื่อมั่นได้หรือไม่ว่าระบบนี้จะถูกใช้อย่างเป็นธรรม ซึ่งเป็นโจทย์ข้อใหญ่ที่สุดที่สังคมไทยต้องตอบ

เพื่อทำให้สิ่งนี้เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการปฏิรูประบบเศรษฐกิจและสังคมของไทยอย่างถึงรากถึงโคน จาก “รัฐสงเคราะห์” ที่ให้แบบสะเปะสะปะ ไปสู่ “รัฐสวัสดิการ” อย่างแท้จริง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก BT Beartai

Huawei เปิดตัว MatePad Air 2025 : จอถนอมดวงตา, รีเฟรชเรต 144 Hz, ลำโพง 6 ตัว, เริ่มต้น 13,600 บาท

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ปฏิวัตวงการเมมโมรีการ์ด จีนเปิดตัว Mini SSD เล็กพอ ๆ กับซิมการ์ดแต่เร็วถึง 3700 MB/s

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความหุ้น การลงทุนอื่น ๆ

TTW หุ้นน้ำประปาสุดปัง จ่ายปันผลสูง 6% ต่อเนื่อง

Wealthy Thai

TK กำไรครึ่งปี'68 เพิ่มขึ้น 469.8% ชี้คุมเข้มนโยบายปล่อยสินเชื่อ

ประชาชาติธุรกิจ

สรุปภาวะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลรายเดือนกรกฎาคม 2568 โดย สำนักงาน ก.ล.ต.

ทันหุ้น

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ตลาดคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้

ประชาชาติธุรกิจ

เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ครึ่งแรกปี'68 กำไรสุทธิ 8.29 หมื่นล้าน เบี้ยรับรวม 1.94 ล้านล้าน

ประชาชาติธุรกิจ

TK โชว์กำไรครึ่งปีแรก 68 469% ลุยโปรดักต์ใหม่ ดันรายได้โต

ทันหุ้น

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...