ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ตลาดคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ตลาดคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ หลังจากพบสัญญาณความอ่อนแอในตลาดแรงงาน
ฝ่ายค้าเงินตราต่างประเทศ ธนาคารกรุงเทพ รายงานว่า ในช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคม 2568 ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ หลังสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ก.ค.ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือน ก.ค. เมื่อวันอังคาร (12/8) โดยดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.8% เล็กน้อย และทรงตัวจากระดับ 2.7% ในเดือน มิ.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือน ก.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.3% ในเดือน มิ.ย.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายปี เร่งตัวขึ้นจากระดับ 2.9% ในเดือน มิ.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. และสูงกว่าระดับ 0.2% ในเดือน มิ.ย.
ต่อมาในวันพฤหัสบดี (14/8) กระทรวงแรงงานสหรัฐ เปิดเผยว่า ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 3.3% ในเดือน ก.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสุงสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5% จากระดับ 2.4% ในเดือน มิ.ย.
คาดเฟดลดดอกเบี้ย ก.ย.นี้
โดยเจพีมอร์แกน (J.P. Morgan) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในการประชุมนโยบายเดือน ก.ย. หลังจากพบสัญญาณความอ่อนแอในตลาดแรงงาน และความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อกรรมการเฟดคนใหม่
อีกทั้งยังระบุว่า ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้เฟดอาจต้องเร่งลดดอกเบี้ยลง โดยคาดว่าจะลดลง 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ก่อนเฟดยุติวงจรการผ่อนคลายนโยบาย
นอกจากนี้ มิเชิล โบว์แมน รองประธานฝ่ายกำกับดูแลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความเห็นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (9/8) ว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่ออกมาซบเซายิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้เป็นแนวทางที่เหมาะสม
ขณะที่สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ในการประชุมครั้งถัดไปในเดือน ก.ย. พร้อมระบุว่า เฟดควรลดดอกเบี้ยไปตั้งแต่เดือน มิ.ย.แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในวันศุกร์นี้
ขณะที่ ปธน.ทรัมป์เตือนว่า รัสเซียจะเผชิญกับผลลัพธ์ที่รุนแรงอย่างมาก หาก ปธน.ปูตินปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิงภายในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาหวังจะใช้การประชุมนี้ เพื่อวางแผนการประชุมรอบที่สองอย่างรวดเร็วกับผู้นำรัสเซีย และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน
กนง.ลดดอกเบี้ย 0.25%
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ ค่าเงินบาทเปิดตลาดในวันพุธ (13/8) ที่ระดับ 32.38/40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าเล็กน้อยจากระดับปิดก่อนหน้า (8/8) ที่ 32.32/33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยในวันพุธ (13/8) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 1.50% ต่อปี โดยให้มีผลทันที ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับลดดอกเบี้ยในรอบการประชุมเดือน ก.พ. และ เม.ย. 68
โดยนายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กล่าวว่า ที่ผ่านมายังไม่เห็นสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนของกลุ่มเปราะบาง และกลุ่ม SMEs ซึ่งการลดดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ จะทำให้เอื้อต่อการปรับตัวในด้านการเงินของกลุ่มเปราะบาง รวมทั้งช่วยบรรเทาภาระหนี้สิน เพราะกลุ่มเปราะบางได้รับแรงกดดันจากภาษีสหรัฐ การทะลักเข้ามาของสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศ รวมทั้งปัญหาในเชิงโครงสร้างที่มีอยู่เดิม เราจึงอยากทำให้ภาวะการเงินไม่ได้เป็นตัวที่ไปซ้ำเติมเพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ ในระหว่างสัปดาห์ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 32.24-32.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดในวันศุกร์ (15/8) ที่ระดับ 32.43/44 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินยูโร เปิดตลาดในวันพุธ (13/8) ที่ระดับ 1.1679/80 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าจากระดับปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (8/8) ที่ระดับ 1.1644/46 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (12/8) ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับ 34.7 ในเดือน ส.ค. จากระดับ 52.7 ในเดือน ก.ค. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 39.8 โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงกดดันจากความผิดหวังต่อข้อตกลงการค้าระหว่างสหภาพยุโรป (EU) กับสหรัฐ รวมถึงผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจที่ซบเซาของเยอรมนี ในไตรมาสที่ 2
นอกจากนี้ การปรับตัวลงของดัชนียังมีสาเหตุจากเศรษฐกิจเยอรมนีที่หดตัวลง 0.1% ในไตรมาสที่ 2 หลังจากการเร่งซื้อสินค้าไปก่อนหน้าเพื่อรับมือมาตรการภาษี ทั้งนี้ ระหว่างสัปดาห์ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบระหว่าง 1.1630-1.1730 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร และปิดตลาดในวันศุกร์ (15/8) ที่ระดับ 1.1681/83 ดอลลาร์สหรัฐ/ยูโร
BOJ อาจขึ้นดอกเบี้ย
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนเปิดตลาดวันพุธ (13/8) ที่ระดับ 147.97/148.01 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าจากระดับปิดวันศุกร์ (8/8) ที่ระดับ 147.67/68 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (8/8) มีรายงานสรุปความคิดเห็นจากที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระบุว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจยุติท่าทีแบบ “รอดูสถานการณ์” (Wait-and-See) ได้ภายในสิ้นปีนี้ หากเศรษฐกิจสหรัฐสามารถรับมือกับแรงกดดันจากมาตรการขึ้นภาษีได้ดีกว่าที่ประเมินไว้ ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อการเติบโตของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของกรรมการรายหนึ่งในการประชุมชี้ว่า BOJ อาจพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อทยอยปรับนโยบายการเงินกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และต่อสู้กับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภค นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้ผลิต (CGPI) ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดระดับราคาสินค้าและบริการที่ผู้ประกอบการเรียกเก็บระหว่างกัน ชะลอตัวลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือน ก.ค. โดยขยับขึ้น 2.6% เมื่อเทียบรายปี ชะลอลงจากระดับ 2.9% ในเดือน มิ.ย. แต่สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.5% เล็กน้อย
ตัวเลขดังกล่าวตอกย้ำมุมมองของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ว่าแรงกดดันด้านราคาจากต้นทุนวัตถุดิบจะค่อย ๆ ลดลง อย่างไรก็ตาม ราคาค้าส่งสินค้าในกลุ่มอาหารและสินค้าเกษตรยังคงปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณว่าแรงกดดันด้านราคากำลังขยายวงกว้าง และน่าจะทำให้ตลาดยังคงคาดหวังว่า BOJ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ว่า BOJ ดำเนินการล่าช้าในการรับมือกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ทั้งนี้ รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวกับ Bloomberg Television ว่า BOJ ดำเนินการล่าช้าในการรับมือกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ อย่างไรก็ดี ความคิดเห็นของเบสเซนต์แตกต่างจากท่าทีของอุเอดะ ซึ่งปฏิเสธความเห็นที่ BOJ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช้าเกินไป และอาจสายเกินไปในการสกัดกั้นเงินเฟ้อที่สูงเกินไป
ทั้งนี้ สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (15/8) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 1.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการขยายติดต่อกัน 5 ไตรมาส และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพียง 0.4% ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนอยู่ในกรอบระหว่าง 146.19-148.16 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ และปิดตลาดในวันศุกร์ (15/8) ที่ระดับ 146.84/86 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ตลาดคาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net