นบข.เคาะจ่าย “ไร่ละพัน” ทั้งนาปรัง-นาปี
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 15 สิงหาคม 2568 เวลา 17.44 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมท15 ส.ค. – “พิชัย” รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ประชุม นบข. เห็นชอบจ่าย “ไร่ละพัน” ทั้งนาปรังและนาปี ช่วยชาวนา เหตุราคาข้าวในตลาดโลกตกต่ำ
นายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (นบข.) เมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีวาระสำคัญในการพิจารณาช่วยเหลือชาวนาที่ประสบปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
ภายหลังการประชุม นายพิชัย เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการช่วยเหลือชาวนาผู้ปลูกข้าวนาปรัง จ่ายเงินสนับสนุนไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ โดยเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังได้ลงทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรแล้วประมาณ 850,000 ราย คาดใช้งบประมาณราว 7,200 ล้านบาท พร้อมวางเงื่อนไขชัดเจนว่าปีหน้ารัฐบาลจะไม่สนับสนุนการปลูกพันธุ์ข้าวที่ตลาดไม่ต้องการ และขอให้เกษตรกรลดพื้นที่ปลูกในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม โดยถือเป็นการช่วยเหลือ “ครั้งสุดท้าย” สำหรับข้าวนาปรัง
ขณะที่มาตรการสนับสนุนชาวนาผู้ปลูกข้าวนาปีฤดูกาลผลิตปี 68/69 ก็จะช่วยสนับสนุนตามโครงการไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ เช่นกัน โดยคาดว่าจะมีเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์ประมาณ 4.7 ล้านครัวเรือน ใช้งบประมาณมากกว่า 30,000 ล้านบาท โดยหลังจากนี้จะต้องนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป
นายพิชัย กล่าวว่า การให้เงินสนับสนุนครั้งนี้เป็นเพียงมาตรการระยะสั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำ ขณะที่ระยะยาวรัฐบาลได้เตรียมแผนปรับโครงสร้างการผลิต เช่น ปรับพันธุ์ข้าวให้ตรงความต้องการของตลาดโลก เพิ่มผลผลิต ส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ และพัฒนาการตลาดร่วมกับต่างประเทศ เพื่อลดการพึ่งพาการอุดหนุนและทำให้เกษตรกรยืนได้อย่างมั่นคง
รัฐบาลเตรียมงบประมาณรวมกว่า 40,000 ล้านบาท ครอบคลุมชาวนาทั่วประเทศ โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินตรงเข้าบัญชีเกษตรกร เพื่อให้ถึงมืออย่างรวดเร็วและโปร่งใส
เร่งช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา”
ส่วนการช่วยเหลือประชาชนที่บ้านเรือนได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา” จากการสำรวจความเสียหายในพื้นที่ 4 จังหวัด พบว่ามีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบรวมทั้งสิ้น 256 หลังคาเรือน แบ่งเป็น
-ความเสียหายเล็กน้อย จำนวน 185 หลังคาเรือน
-ความเสียหายมาก จำนวน 29 หลังคาเรือน
-ความเสียหายทั้งหลัง (เกินร้อยละ 70) จำนวน 42 หลังคาเรือน
ปัจจุบันทางจังหวัดได้รวบรวมข้อมูลความเสียหาย และวางแผนให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยบางส่วนได้เข้าดำเนินการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากหลายภาคส่วน อาทิ งบกลางเพื่อบรรเทาสาธารณภัย งบจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจังหวัด สภากาชาดไทย และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด รวมถึงการสนับสนุนกำลังพลจากหน่วยทหารในพื้นที่เพื่อเร่งดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง.-111-สำนักข่าวไทย