อธิบดีกรมวิชาการเกษตร แจ้งข่าวดี GACC ลงตรวจล้ง-สวน เตรียมส่งออกอินทผลัม สละ ไปจีน
นายรพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ให้การต้อนรับ Mr. GAO Baoli จากสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) และคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและหารือแนวทางความร่วมมือด้านการตรวจประเมินสวนเกษตรกรและโรงคัดบรรจุ “อินทผลัม” และ “สละ” ณ ประเทศไทยการลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของภารกิจตรวจประเมินแหล่งผลิต โรงคัดบรรจุ และด่านตรวจพืชของเจ้าหน้าที่ GACC ระหว่างวันที่ 5–9 สิงหาคม 2568 ซึ่งรวมถึงการเยี่ยมชมกระบวนการควบคุมคุณภาพ และห้องปฏิบัติการวิเคราะห์ศัตรูพืช ณ ด่านตรวจพืชท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับการนำเข้าพืชผลสดจากไทยสู่ตลาดจีน
"อินทผลัม" และ "สละ" เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงอินทผลัม มีการผลิตมากกว่า 2,000 ตันต่อปี โดยพันธุ์ที่มีการปลูกในไทยส่วนใหญ่เป็นอินทผลัมบาฮี (Barhi) โดยจะมีผลผลิตออกมากในช่วงกลางเดือน มิถุนายน ถึงกลางเดือนสิงหาคม ส่วนสละ ของไทยมีการผลิตได้ประมาณ 32,000 ตันต่อปี โดยพันธุ์ที่นิยมปลูกได้แก่ พันธุ์สุมาลี พันธุ์เนินวง พันธุ์หม้อ และพันธุ์อินโด โดยทั่วไปแล้วสละสามารถเก็บเกี่ยวได้ทั้งปี แต่จะมีช่วงที่ให้ผลผลิตมากในช่วงเดือน พฤษภาคม – มิถุนายน และ สิงหาคม - กันยายน
อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวในตอนท้ายว่า“อินทผลัม” และ “สละ” นับเป็นสินค้าที่มีศักยภาพสูง และได้รับความนิยมในตลาดจีน การเปิดตลาดใหม่เพื่อส่งออกไปยังจีน จึงถือเป็นก้าวสำคัญที่สอดคล้องกับนโยบายของนายอรรถกร ศิริลัทธยากรรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมุ่งยกระดับสินค้าเกษตรไทยสู่เวทีการค้าโลก บนหลัก “คุณภาพ มาตรฐาน และความปลอดภัย”
การเปิดตลาดใหม่นี้ จะช่วยสร้างเสถียรภาพด้านราคาป้องกันปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรและผู้ประกอบการไทย โดยการได้รับการตรวจประเมินจาก GACC เปรียบเสมือน “ใบผ่านทาง” ที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้นำเข้า ว่าสินค้าเกษตรของไทยมีมาตรฐานการผลิต การบรรจุ และการควบคุมคุณภาพที่เป็นไปตามข้อกำหนดด้านสุขอนามัยพืชและความปลอดภัยทางอาหารตามพิธีสารความร่วมมือไทย–จีนการตรวจประเมินครั้งนี้จะช่วยให้กระบวนการส่งออกดำเนินไปอย่างราบรื่น ลดอุปสรรคทางการค้าและเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายตลาด เพิ่มมูลค่าการส่งออกได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
นอกจากนี้ ความร่วมมือกับ GACC ยังเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านการตรวจสอบและควบคุมศัตรูพืชซึ่งจะช่วยส่งเสริมการส่งออกอย่างยั่งยืน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรไทยในระยะยาว