บสย.ยืดเวลาเยียวยาเอสเอ็มอีไทย-กัมพูชา พักจ่ายค่างวด 6 เดือน
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยภายหลังการร่วมประชุมเพื่อติดตามมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งมีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ว่า ล่าสุด บสย.ได้ออกมาตรการเร่งด่วน ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลม และลูกค้าของ บสย.
โดยมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และลูกค้าเดิมของ บสย. ที่อยู่ในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ โดยผ่อนผันการชำระค่าธรรมเนียมค้ำประกัน และค่าจัดการค้ำประกันโดยพักชำระออกไปอีก 6 เดือน นับจากวันถึงกำหนดชำระค่าธรรมเนียมสำหรับ SMEs ลูกค้า บสย. ที่จะครบกำหนดชำระในวันที่ 31 สิงหาคม 2568
และขยายการพักชำระค่างวดเป็นระยะเวลา 6 เดือน สำหรับ SMEs ลูกหนี้ที่ถูกจ่ายเคลม ที่อยู่ในระหว่างผ่อนชำระตามแผนปรับโครงสร้างหนี้ และไม่ผิดนัดชำระหนี้
พร้อมด้วยมาตรการเสริมสภาพคล่อง ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS11 “บสย. SMEs ยั่งยืน” 2 โครงการหลัก ได้แก่
- โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Power Trade & Bizวงเงินค้ำประกัน 3,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อราย 500,000 – 10 ล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนสำหรับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา
- โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs Micro Bizวงเงินค้ำประกัน 2,000 ล้านบาท วงเงินค้ำประกันต่อราย 10,000 – 500,000 บาท ตอบโจทย์กลุ่มรายย่อย (Micro SMEs) ที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน แต่ขาดคนค้ำประกัน และขาดหลักทรัพย์ค้ำประกัน
โดยทั้ง 2 โครงการมีจุดเด่น คือ ฟรี! ค่าธรรมเนียมค้ำประกัน 3 ปีแรก ปีต่อไปชำระต่ำเพียง 1.5% ต่อปี ค้ำประกันสูงสุด 7 ปี
“บสย. ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์และผลกระทบในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมมอบหมายให้สำนักงานเขตที่รับผิดชอบพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา เร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์มาตรการช่วยเหลือดังกล่าวไปยังลูกค้า และลูกหนี้ บสย. พร้อมให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ อย่างเร่งด่วน” นายสิทธิกร กล่าว
สำหรับผู้ประกอบการ SMEs ลูกค้า และลูกหนี้ บสย. ที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในครั้งนี้ สามารถปรึกษาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและรายละเอียดการเข้าร่วมมาตรการ ได้ที่สำนักงานเขตในพื้นที่