วิจารณ์ยับ “โมร็อกโก” ไล่ฆ่าสุนัขจรจัดเตรียมเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2030
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า กลุ่มปกป้องคุ้มครองสัตว์ได้กล่าวหารัฐบาลโมร็อกโก ว่ากำลังกำจัดสุนัขจรจัดเป็นจำนวนมาก ในระหว่างเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2030 ร่วมกับโปรตุเกสและสเปน
อย่างไรก็ตาม โมร็อกโก ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แถมประกาศจะปกป้องสุนัขจรจัด โดยใช้วิธีการไม่เป็นอันตรายที่เรียกว่า TNVR หมายถึงการดักจับ, ทำหมัน, ฉีดวัคซีน และปล่อยไปเพื่อลดความเสี่ยงด้านสาธารณสุขควบคู่ไปกับการควบคุมจำนวนสุนัขจรจัด
รายงานระบุว่า ร่างกฎหมายใหม่ที่มุ่งปกป้องสัตว์จรจัดได้รับการอนุมัติ แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา มีการกำหนดค่าปรับสูงสุด 1,500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือจำคุกสูงสุด 3 เดือน สำหรับการทำร้ายสุนัขจรจัด
กระนั้นข้อกล่าวหาเรื่องการฆ่าสุนัขยังคงมีอยู่ คลิปวิดีโอออนไลน์เผยให้เห็นสุนัขถูกยิงหรือถูกวางยาด้วยสตริกนิน ซึ่งเป็นสารพิษที่บางครั้งใช้เป็นยาฆ่าแมลง แม้สุนัขบางตัวมีรอยที่หูแล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าพวกมันได้รับการทำหมันและฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม
คำร้องออนไลน์โดยสหพันธ์สัตว์นานาชาติ (International Animal Coalition) เพื่อยุติการสังหารสุนัขบนท้องถนนและชายหาดของโมร็อกโก มีผู้ลงชื่อกว่า 75,000 ราย และไม่นานนี้ก็มี นักเคลื่อนไหวลงไปสนามระหว่างเกมสโมสรโลก พร้อมกับป้ายข้อความว่า "โมร็อกโก หยุดยิงสุนัขและแมว" ขณะที่มูลนิธิ บริเจตต์ บาร์โดต์ ของฝรั่งเศส ซึ่งก่อตั้งโดยดาราภาพยนตร์ในปี 1986 เรียกร้องให้ฟีฟ่าขัดขวางโมร็อกโก ต่อการเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2030
ขณะเดียวกัน ปรากฏตัวเลขว่า โมร็อกโก มีสุนัขจรจัดประมาณ 3 ล้านตัว โดยในปี 2024 มีผู้เสียชีวิตจากโรคพิษสุนัขบ้า 33 ราย