'พริษฐ์' เปิด 10 ความสำเร็จ แจงละเอียดลาออก ปธ.กมธ.พัฒนาการเมืองฯ
เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2568 นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) เปิดเผยถึงเหตุผลที่ลาออกจากการเป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร ว่า เรียนพี่น้องประชาชนทุกท่าน ขอแจ้งทุกคนอย่างเป็นทางการ ว่าเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (21 ส.ค.) ได้ลาออกจากการเป็นประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่ได้ทำหน้าที่ครบตามวาระ 2 ปี ที่เพื่อน สส. พรรคก้าวไกล-พรรคประชาชน ได้มอบความไว้วางใจให้ตนเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวในสัดส่วนของพรรค
นายพริษฐ์ ระบุว่า แน่นอนว่าเหตุผลและปัจจัยของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันได้ แต่เมื่อประมาณ 2-3 เดือนก่อนหมดวาระ ตัดสินใจแจ้งผู้บริหารและ สส. ในพรรค ว่าผมไม่ประสงค์จะขอลงสมัครอีก 1 วาระ เพราะเชื่อว่า พรรคเรามี สส. อีกหลายคนที่มีความพร้อมและควรได้รับโอกาสมาทำงานในฐานะประธาน กมธ. คณะกรรมาธิการจะได้ประโยชน์จากความหลากหลายทางแนวคิดของประธานแต่ละคนที่สลับมาทำหน้าที่ และตนสามารถขับเคลื่อนภารกิจที่ริเริ่มไว้ต่อได้ในฐานะกรรมาธิการทั่วไป
"ผมขอขอบคุณเพื่อนๆกรรมาธิการจากทุกพรรค ทีมงานกรรมาธิการในทุกระดับ และเจ้าหน้าที่กรรมาธิการทุกคน สำหรับทั้งพลังกายและพลังใจตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ผมขอขอบคุณประชาชนทุกภาคส่วนที่เคยมาให้คำแนะนำ ชี้แจงข้อมูล และร่วมกิจกรรมของคณะกรรมาธิการ ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ของเรา" นายพริษฐ์ ระบุ
นายพริษฐ์ ระบุอีกว่า 2 ปีที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความท้าทายและการเรียนรู้ แต่รู้สึกภูมิใจที่ กมธ. เราทุกคน ได้ร่วมกันผลักดันหลายอย่างที่เชื่อว่าได้นำไปสู่ (หรือจะนำไปสู่) การ “พัฒนาการเมือง” และยกระดับประชาธิปไตยในประเทศไทย ขอยกตัวอย่างความสำเร็จ กมธ. เรา ที่รู้สึกภูมิใจเป็นพิเศษ แม้จะมีอีกหลายความสำเร็จที่ กมธ. เราทุกคนร่วมกันขับเคลื่อน ที่ขออภัยหากไม่ได้กล่าวถึง
1. ผลิต “สมุกปกขาว” (White Paper) เชิงนโยบาย เสร็จเรียบร้อยแล้วใน 5 ประเด็น (+ ใกล้เสร็จในอีก 2 ประเด็น) ผ่านกลไกการตั้งคณะอนุกรรมาธิการ เพื่อเป็นชุดข้อเสนออย่างเป็นรูปธรรม ที่สภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลสามารถหยิบไปผลักดันต่อได้ทันที
1.1. เมนูทางเลือกในการออกแบบ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด (มีรายงานที่เสนอต่อสภา + เว็บไซต์ที่แปลงเป็นเกมโดย WeVis เพื่อให้ประชาชนทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น
1.2. ข้อเสนอในการส่งเสริมสถาบันพรรคการเมืองให้ยึดโยงกับประชาชน (มีรายงานที่เสนอต่อสภา + ร่างกฎหมาย พ.ร.ป. พรรคการเมือง ในภาคผนวกที่ สส. หยิบไปยื่นเข้าสภาได้ทันที) ← นำโดย สส. พงศธร ศรเพชรนรินทร์
1.3. ข้อเสนอในการเพิ่มการมีส่วนร่วมทางการเมืองของเยาวชน (มีรายงานที่เสนอต่อสภา + ชุดข้อเสนอการปฏิรูปสภาเด็กและเยาวชนที่กำลังแปลงเป็นร่างกฎหมาย) ← นำโดย สส. ฉัตร สุภัทรวณิชย์
1.4. ข้อเสนอในการยกระดับการเลือกตั้งท้องถิ่น (มีรายงานที่อยู่ในระเบียบวาระการประชุมสภาแล้ว + ชุดข้อเสนอที่แปลงเป็นร่างกฎหมายเสร็จแล้วและรอยื่น) ← นำโดย สส. ปัญญารัตน์ นันทภูษิตานนท์
1.5. ข้อเสนอในการยกระดับการบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (มีรายงานที่เสร็จแล้ว รอเสนอเข้าสภา + ชุดข้อเสนอที่สภาใช้อ้างอิงได้ในการแก้ไข พ.ร.บ. กทม.)
1.6. ข้อเสนอในการปฏิรูประบบค่าปรับ รวมถึงศึกษาข้อดี-ข้อเสียของระบบค่าปรับแบบอัตราก้าวหน้าที่แปรผันตามสถานะทางเศรษฐกิจของผู้กระทำผิด (อยู่ระหว่างจัดทำรายงาน)
1.7. ข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายการชุมนุมสาธารณะ ให้สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตย (อยู่ระหว่างจัดทำรายงาน) ← นำโดย สส. วรายุทธ ทองสุข
2. ร่วมมือกับ “องค์กรภายนอก” ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขยาย “องค์ความรู้” ซึ่งจะเป็นข้อมูลอ้างอิงที่เป็นประโยชน์ต่อสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาลในการออกแบบนโยบาย
2.1. ร่วมมือกับ “สถาบันนโยบายสาธารณะ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” เพื่อจัดทำ City Lab กับภาครัฐ-ภาคเอกชน-ภาคประชาชน เพื่อรวบรวมระเบียบ-กฎหมายที่ควรปลดล็อกให้ท้องถิ่นมีความคล่องตัวในการดำเนินนโยบายสำหรับอนาคตได้มากขึ้น (จัดไปแล้ว 3 ด้าน - การศึกษา / ภัยพิบัติ / ท่องเที่ยว)
2.2. ร่วมมือกับ “มูลนิธิ Friedrich-Ebert-Stiftung” เพื่อดำเนินงานวิจัย 2 ชิ้น เกี่ยวกับการปฏิรูปสื่อมวลชน (1 ชิ้นเรื่องการอยู่รอดของธุรกิจสื่อภายใต้โลกยุคใหม่ / 1 ชิ้นเรื่องนโยบายในการคุ้มครองเสรีภาพและกำกับดูแลสื่อ) ซึ่งจะเสร็จสิ้นปีนี้ ← นำโดย สส. ภคมน หนุนอนันต์
2.3. อำนวยความสะดวกให้กับ “HAND Social Enterprise” เพื่อสำรวจและจัดทำผลการประเมินสถานะการเปิดเผยข้อมูลรัฐ สำหรับ 25 ฐานข้อมูลที่สำคัญที่สุดสำหรับการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน
2.4. อำนวยความสะดวกให้กับ “Westminster Foundation for Democracy” และ “สถาบันพระปกเกล้า” ในการวิเคราะห์ปัญหาของรัฐสภาไทยเมื่อเทียบกับเป้าหมายในการเป็น “รัฐสภาที่คำนึงถึงความเสมอภาคทางเพศ” ผ่านการสำรวจ-สัมภาษณ์สมาชิกรัฐสภาและข้าราชการรัฐสภา (มีการนำเสนอผลวิจัยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา) ← ร่วมขับเคลื่อนโดย สส. ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์
2.5. เตรียมหารือความร่วมมือกับ “สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.)” ในการหาโครงการสำหรับทดลองนำร่อง ระเบียบรับฟังความเห็นประชาชน ของสำนักนายกฯ ฉบับใหม่ ที่ทาง ป.ย.ป. กำลังจัดทำ และได้ขอความเห็นอย่างต่อเนื่องจาก กมธ.
3. ทำหน้าที่เป็น “แพลตฟอร์ม” ให้ สส. นอก กมธ. เข้ามาร่วมขับเคลื่อนงานเชิงประเด็น ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของ กมธ. เช่น
3.1. “สมุดปกขาว” เกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม (Participatory Budgeting) ← นำโดย สส. ณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์
3.2. ข้อเสนอในการปฏิรูปเรือนจำ และการปรับปรุง พ.ร.บ. ราชทัณฑ์ ← นำโดย สส. ภัสริน รามวงศ์
3.3. จัดทำร่างกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti-SLAPP) ← นำโดย สส. ชลธิชา แจ้งเร็ว และ สส. อนุสรณ์ แก้ววิเชียร
4. ตรวจสอบงบประมาณรัฐสภาที่ไม่เหมาะสม จนนำไปสู่การประหยัดภาษีประชาชนเกือบ 1 พันล้านบาท
4.1. ตรวจสอบคำของบ 69 ล่วงหน้า ซึ่งทำให้ค้นพบโครงการอาคารรัฐสภาที่ฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็น (เช่น ศาลาแก้ว ระบบภาพยนตร์ 4D ห้องประชุมงบประมาณ) จนนำไปสู่การปรับลดงบ 880 ล้านบาทในชั้น กมธ. งบ 69 ← ได้รับความช่วยเหลือจาก สส. ภัณฑิล น่วมเจิม
4.2. ตรวจสอบโครงการออกแบบอาคารที่จอดรถเพิ่มเติม (ที่รัฐสภาเดินหน้าจัดซื้อจัดจ้างไปแล้วด้วยงบประมาณ 105 ล้านบาท ก่อนถูกกรมบัญชีกลางชะลอ) จนนำไปสู่การที่รัฐสภายืนยันยุติเดินหน้าโครงการดังกล่าว (ค่าก่อสร้างประเมินไว้ที่ 4,500 ล้านบาท) ← ได้รับความช่วยเหลือจาก สส. ศุภณัฐ มีนชัยนันท์
5. เดินสายหารือกับประธานศาลรัฐธรรมนูญ-ประธานรัฐสภา จนนำไปสู่การโน้มน้าวประธานรัฐสภาให้เปลี่ยนใจบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับ สสร. (หลังประธานรัฐสภาไม่ยอมบรรจุมาตลอด 3-4 ปีก่อนหน้านั้น) → รื้อฟื้นความเป็นไปได้ในการลดจำนวนประชามติในกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จาก 3 ครั้ง เหลือ 2 ครั้ง ซึ่งจะประหยัดเวลาได้ 3-6 เดือน และประหยัดงบประมาณได้ 3,000 ล้านบาท
6. ปลดล็อกท้องถิ่นด้านการศึกษา ผ่านการหารือกับกระทรวงมหาดไทย (และ สตง.) จนนำมาสู่คำยืนยันจากมหาดไทยเป็นลายลักษณ์อักษร (ซึ่งกระทรวงแจ้งว่าจะมีหนังสือเวียนและระเบียบใหม่ตามมาโดยเร็ว) ว่าท้องถิ่นสามารถนำงบประมาณมาจัดรถรับส่งนักเรียนให้กับนักเรียนในทุกโรงเรียนภายในพื้นที่ได้ (โดยไม่จำกัดเฉพาะนักเรียนยากจน และไม่จำกัดเฉพาะนักเรียนในโรงเรียนสังกัดท้องถิ่น)
7. หารือและตั้งข้อสังเกตต่อหลักสูตรตัวย่อต่างๆที่สุ่มเสี่ยงต่อระบบอุปถัมภ์ ซึ่งแม้ยังไม่สามารถนำไปสู่การยกเลิกหรือทบทวนครั้งใหญ่ได้สำเร็จ แต่อาจมีส่วนในการนำไปสู่การปรับปรุงบางเรื่องในทิศทางที่ดีขึ้นเล็กน้อย (เช่น บยส. ยังคงเดินหน้าจัดต่อ แต่มีการลดจำนวน-สัดส่วนผู้ร่วมเรียนจากภาคเอกชน / สถาบันพระปกเกล้า ยืนยันว่าจะยุติการดึงสมาชิกรัฐสภาไปเรียนนอกอาคารรัฐสภาในวันที่มีประชุมสภา)
8. ยกระดับความรับรู้และการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน (เช่น ทำกิจกรรมร่วมรณรงค์เลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม พ.ศ. 2566 ที่ท้ายสุดมีคนมาใช้สิทธิประมาณ 150,000 คน (ยังต่ำกว่าเป้าหมาย และเราต้องทำให้ดีขึ้นสำหรับการเลือกตั้งรอบถัดไป 2568-69)
9. พิจารณาหลายข้อร้องเรียนจากประชาชน เพื่อหารือกับหน่วยงานให้ชะลอโครงการที่กระทบคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ หรือขาดการมีส่วนร่วมอย่างมีความหมาย (เช่น การชะลอการออกประทานบัตรเหมืองแร่ใน ต.แม่ท้อ จ.ตาก (นำเรื่องเข้าโดย สส. คริษฐ์ ปานเนียม) / การทักท้วงข้อเสนอของหน่วยงานที่ขอให้โรงเรียนอนุบาลนนทบุรีคืนอาคารเรียนบางอาคาร-ปิดรับนักเรียนในบางระดับชั้น ซึ่งต้องตรวจสอบ-ติดตามต่อไป / การตั้งข้อสังเกตต่อการทำประชาพิจารณ์ในการตั้งโรงไฟฟ้า-โรงงาน และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้)
10. ถ่ายทอดสดการประชุมคณะกรรมาธิการประจำทุกสัปดาห์ เป็นคณะแรก เพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินการ และเพิ่มความมีส่วนร่วมของประชาชนในการติดตามข้อมูลในการประชุม กมธ.
นายพริษฐ์ ระบุด้วยว่า ภารกิจในการพัฒนาการเมืองยังต้องเดินหน้าต่อไป - หลังจากนี้ จะยังคงเดินหน้าทำงานต่อในฐานะกรรมาธิการ เพื่อขับเคลื่อนทั้งภารกิจที่ได้ริเริ่มไว้แล้วและประเด็นใหม่ๆที่ยังต้องการการเปลี่ยนแปลง ท้ายสุดนี้ ขอแสดงความยินดีกับ สส. ฉัตร สุภัทรวณิชย์ ที่ได้รับความไว้วางใจจากพรรคประชาชน และจากคณะกรรมาธิการ ให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมืองฯ คนใหม่
"ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า พวกเราจะร่วมกันขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงได้อีกมากมาย ภายในกรอบระยะเวลาที่เหลือไม่เกิน 2 ปีข้างหน้านี้ ก่อนที่ประชาชนจะมีอำนาจพิพากษาการทำงานของพวกเราทุกคนอีกครั้งหนึ่งผ่านคูหาเลือกตั้ง" นายพริษฐ์ ระบุ
ภาพและข้อมูลจาก: พริษฐ์ วัชรสินธุ - ไอติม - Parit Wacharasindhu