โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

‘ปิยรัฐ’ แถลงผลประชุมกมธ.ความมั่นคงฯ ติดตาม เยียวยาผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา

เดลินิวส์

อัพเดต 29 สิงหาคม 2568 เวลา 0.02 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เดลินิวส์
‘ปิยรัฐ’ แถลงผลประชุม กมธ.ความมั่นคงฯ ติดตาม เยียวยาผลกระทบชายแดนไทย-กัมพูชา เผยหลายหน่วยงานร่วมชี้มาตรการช่วยเหลือครบด้าน

เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่รัฐสภา นายปิยรัฐ จงเทพ สส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ แถลงข่าวผลการประชุมคณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ครั้งที่ 87 ว่า ในที่ประชุมพิจารณาแนวทางและการดำเนินการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบในด้านต่าง ๆ จากปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยหลังจากที่คณะ กมธ. ได้ลงพื้นที่ติดตามปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างต่อเนื่อง วันนี้ได้มีการติดตามในเรื่องของการมาตรการเยียวยาพี่น้องประชาชนและผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว

นายปิยรัฐ กล่าวอีกว่า โดยได้เชิญบุคคลต่างๆ มาร่วมประชุม ประกอบด้วย 1.รมว.มหาดไทย มอบหมาย นายบุญช่วย หอมยามเย็น รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รักษาราชการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ร่วมประชุม 2.รมว.ยุติธรรม มอบหมาย นายเฉลิมชัย บัวจันอัด รองอธิบดีกรมบังคับคดี ร่วมประชุม 3.รมว.เกษตรและสหกรณ์ มอบหมาย นายอภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมประชุม 4.รมว.พาณิชย์ มอบหมาย ร.ต.จักรา ยอดมณี รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ร่วมประชุม 5.เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มอบหมาย นายไผท สิทธิสุนทร ผู้ช่วยเลขาธิการ สมช. ร่วมประชุม และ 6.ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มอบหมาย นางสุจารี มนชน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายตรวจสอบ ร่วมประชุม

นายปิยรัฐ กล่าวอีกว่า ซึ่งหน่วยงานต่าง ๆ ได้ชี้แจงมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ ดังนี้ กระทรวงมหาดไทย ได้มีการดำเนินการ ดังนี้ 1.อนุมัติเงินช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต กรณีเป็นทหาร จำนวน 10 ล้านบาท และกรณีพลเรือน 8 ล้านบาท 2.งดเว้นการเรียกเก็บค่าน้ำ-ค่าไฟ เป็นเวลา 2 เดือน ในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2568 3.ระดมสรรพกำลังซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ครอบคลุม 7 จังหวัด 4.เบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) จำนวน 41,118 ราย โดยกำหนดอัตราปฏิบัติงานไม่เกิน 12 ชั่วโมง รายละ 120 บาท/วัน ปฏิบัติงานเกิน 12 ชั่วโมง รายละ 240 บาท/วัน 5.อนุมัติงบกลาง 1,516 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้อพยพพักอาศัยไม่เกิน 7 วัน ครัวเรือนละ 2,000 บาท พักอาศัยเกิน 8 วัน ครัวเรือนละ 5,000 บาท 6.อนุมัติงบกลาง 194 ล้านบาท สำหรับสร้างบังเกอร์และหลุมหลบภัย 779 แห่ง และซ่อม-สร้างหอกระจายข่าว 221 แห่ง

นายปิยรัฐ กล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์ ได้ดำเนินการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กองทัพ และหน่วยความมั่นคง โดยมีมาตรการดูแลด้านสินค้าและราคา ดังนี้ 1.ควบคุมราคาและปริมาณสินค้า ไม่ให้ขาดแคลนหรือสูงเกินสมควร 2.เชื่อมโยงการจำหน่ายสินค้าออกนอกพื้นที่ โดยเฉพาะผักและผลไม้ พร้อมสนับสนุนให้หน่วยงานภาครัฐรับซื้อ 3.เปิดจุดจำหน่ายให้ผู้ประกอบการรายย่อยร่วมกับภาคเอกชน 4.จัดให้นำผู้ประกอบการเข้าร่วมงาน อาทิ งานธงฟ้า เพื่อจำหน่ายสินค้า 5.กำหนดมาตรการขนส่งใหม่ โดยใช้ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือกรุงเทพ และเส้นทางทางบกจาก จ.อุบลราชธานี ผ่าน สปป.ลาว ไปยังพนมเปญ พร้อมทั้งเจรจากับทางการ สปป.ลาว เพื่อลดต้นทุนการขนส่ง

นายปิยรัฐ กล่าวอีกว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดตั้งศูนย์อพยพสัตว์ 122 ศูนย์ ใน 4 จังหวัด โดยรองรับสัตว์เลี้ยง 798 ตัว พื้นที่เพาะปลูก 811 ไร่ และการประมง 2 กระชัง พร้อมจัดหาอาหารสัตว์ให้เพียงพอต่อความต้องการ กระทรวงยุติธรรม ดำเนินมาตรการช่วยเหลือและอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน ภาครัฐ และภาคเอกชน โดยเฉพาะการช่วยเหลือลูกหนี้ในและนอกระบบ โดยอำนวยความสะดวกในการยื่นเรื่องไกล่เกลี่ยข้อพิพาทผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือสำนักงานโดยตรง ชะลอการบังคับคดี หรือการขายทอดตลาด รวม 218 ราย มูลค่ากว่า 65 ล้านบาท ธนาคารแห่งประเทศไทย ให้การช่วยเหลือลูกหนี้ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้และการชำระหนี้ โดยให้สถาบันการเงินสามารถตัดสินใจบรรเทาความเดือดร้อนได้ตามสถานการณ์ โดยไม่กระทบประวัติการชำระหนี้กับเครดิตบูโร

นายปิยรัฐ กล่าวอีกว่า สมช. ได้ชี้แจงการเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้ทุพพลภาพจากเหตุปะทะ พร้อมมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลการเยียวยา 3 กลุ่ม ได้แก่ เกษตรกร ผู้ค้ารายย่อย และผู้ส่งออกนำเข้า รวมถึงผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจในกัมพูชา นอกจากนี้ ยังมีมาตรการด้านแรงงาน โดยผ่อนผันให้แรงงานกัมพูชาที่อยู่ในไทยสามารถทำงานต่อไปได้ และใช้แรงงานผู้ลี้ภัยจากชายแดนไทย-เมียนม่า จำนวน 77,000 คน ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)

นายปิยรัฐ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ คณะ กมธ. ได้มีข้อสังเกตในประเด็นต่าง ๆ อาทิ ภาครัฐควรมีการรวมศูนย์การบริหารจัดการการแก้ไขปัญหา หรือ วัน สต๊อป เซอร์วิส เป็นการเฉพาะเพื่อรับเรื่องต่าง ๆ จากประชาชนให้จบในที่เดียว และจำนวนบังเกอร์ในหลายอำเภอที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งคณะ กมธ. จะได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ทางคณะ กมธ. จะขอมติจากที่ประชุมคณะ กมธ. อนุมัติการเดินทางไปติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดน ณ บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ในวันที่ 6 ก.ย. 2568 โดยขอให้สื่อมวลชนและประชาชนติดตามต่อไป

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก เดลินิวส์

“อัสสัมชัญธนบุรี” เชือด”พิชญบัณฑิต” นาทีบาป ศึกลูกหนังขาสั้น “เดลินิวส์ คัพ 2025” รุ่น 16 ปี ก.

24 นาทีที่แล้ว

“World” ออกแถลงการณ์ชี้แจงหลังเกิดดราม่า “สแกนม่านตา” ยืนยันไม่มีนโยบายขอข้อมูลส่วนบุคคล

27 นาทีที่แล้ว

‘แม่-ลูกเขมร’ ยังไม่ถูกผลักดัน ‘ตม.สุรินทร์’ รับสอบเพิ่ม ผอ.-ครูรวมเงินช่วย เดินเรื่องเอกสารเต็มที่

27 นาทีที่แล้ว

2 น้องสาว ‘ชนินทธ์’ บิ๊กบอส ‘ดุสิตธานี’ร่อนเอกสารแจงเหตุปลดพี่ใหญ่!

27 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

"ภูมิธรรม" นั่งหัวโต๊ะประชุม ก.ตร.พิจารณาแต่งตั้ง รอง ผบ.ตร.- ผบก. รวม 136 ตำแหน่ง

Thai PBS

ริบหรี่!! โอกาส "อิ๊งค์" รอดดาบศาลรัฐธรรมนูญ

สยามรัฐ

‘ภูมิใจไทย’ เสนอทำประชามติ ยกเลิก MOU 43-44 ถามยึดถือไว้ทำไมทั้งที่ถูกละเมิดตลอด

ไทยโพสต์

ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดฯ พบ PMN-2 เพิ่มอีก 2 ทุ่น

Thai PBS

สันธนะ เผย กรณีชนะคดีชูวิทย์ ยังไม่ให้อภัย เดินหน้าสู้คดีต่อ จะเผาผีกันไหม เดี๋ยวบอกอีกที

สยามนิวส์

ส่องความเคลื่อนไหว 29 ส.ค. ชี้ชะตา "แพทองธาร" ใคร ทำอะไร ที่ไหน

PostToday

ข่าวและบทความยอดนิยม