ริบหรี่!! โอกาส "อิ๊งค์" รอดดาบศาลรัฐธรรมนูญ
การเมืองไทยกำลังเคลื่อนสู่วันตัดสินครั้งสำคัญที่สุดแห่งปี เมื่อศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคดีคลิปเสียงแพทองธาร–ฮุน เซน ที่ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นข้อกล่าวหาว่ากระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติ
นี่ไม่ใช่คดีธรรมดาที่จะส่งผลเพียงชะตากรรมของนายกรัฐมนตรีหญิงจากตระกูลชินวัตร แต่คือคดีที่อาจเขียนหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยใหม่ทั้งฉบับ เพราะมาตรฐานจริยธรรมของนักการเมืองถูกหยิบมาเทียบกับถ้อยคำทุกวินาทีในคลิปเสียง และหากศาลเห็นว่าข้อความเหล่านั้นละเมิดกรอบที่บัญญัติไว้ ความเป็นนายกรัฐมนตรีก็อาจสิ้นสุดลงทันที
รศ.สมชาย ศรีสุทธิยากร อดีตกกต.โพสต์ให้ความเห็นผ่าน facebook ส่วนตัวว่า เมื่อพิจารณามาตรฐานจริยธรรมที่ใช้ในการวินิจฉัยจะพบว่า ข้อสำคัญที่ถูกหยิบมาเกี่ยวพันกับคดีนี้คือข้อ 6 ที่กำหนดให้นักการเมืองต้องพิทักษ์รักษาสถาบันกษัตริย์ เอกราช อธิปไตย และผลประโยชน์ของชาติ ข้อ 7 ที่บังคับให้ถือประโยชน์ประเทศชาติสูงกว่าประโยชน์ส่วนตน ข้อ 8 ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไม่แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ ข้อ 17 ที่ห้ามการกระทำซึ่งทำให้เกียรติศักดิ์ของตำแหน่งมัวหมอง ข้อ 19 ที่ไม่ให้คบหาสมาคมกับบุคคลที่กระทบต่อความศรัทธาของสังคม และข้อ 25 ที่กำหนดให้รักษาความลับของทางราชการทั้งหมด
เมื่อเอาถ้อยคำในคลิปเสียงมาตีความตามข้อกำหนดเหล่านี้ ภาพที่ปรากฏคือโอกาสรอดของแพทองธารริบหรี่ลงทุกที
เนื้อหาที่ถูกหยิบมาอ้างอิงสะท้อนประเด็นจริยธรรมที่สำคัญ เช่น คำพูดในนาทีที่ 0.58 และ 1.35 ที่บ่งชี้ว่าไม่อยากให้ฮุน เซนไปฟังข้อมูลจากแม่ทัพภาค 2 เพราะถูกมองว่าเป็น “ฝั่งตรงข้าม” หรือไม่เป็นประโยชน์ต่อรัฐบาล สิ่งนี้อาจถูกตีความว่าเป็นการบั่นทอนเกียรติภูมิของกองทัพและบูรณภาพแห่งชาติ เข้าข่ายละเมิดข้อ 6 และข้อ 17 ของมาตรฐานจริยธรรม
นอกจากนี้นาทีที่ 2.06 ที่พูดขอให้ ฮุน เซน “เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกที่เขมรหมดแล้ว” ยิ่งสะท้อนภาพลักษณ์การพึ่งพาต่างชาติในทางการเมือง ซึ่งศาลอาจมองว่าเป็นการทำให้เกียรติศักดิ์ของตำแหน่งมัวหมอง
ยิ่งไปกว่านั้น นาทีที่ 13.03 และ 16.43 ซึ่งมีการถอดความโดยล่ามชาวกัมพูชา แสดงออกชัดว่ามีการให้คำมั่นว่าจะทำสิ่งที่ฮุน เซนต้องการ และจะรายงานผลกลับไป เป็นประเด็นที่เข้มข้นที่สุดเพราะกระทบตรงต่อข้อ 6 เรื่องการพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาติ และข้อ 7 เรื่องการถือผลประโยชน์ประเทศเหนือผลประโยชน์ส่วนตน หากศาลมองว่าเป็นการ “สัญญาทางการเมือง” กับต่างชาติ นั่นหมายถึงการละเมิดที่เข้าข่ายร้ายแรงในทันที
ในส่วนของข้อ 25 ว่าด้วยการรักษาความลับราชการ คำพูดที่นาที 5.16 ซึ่งกล่าวถึงข้อมูลที่ได้รับจากกระทรวงการต่างประเทศในประเด็นการจัดการอินเทอร์เน็ตกัมพูชา อาจถูกตีความว่าเป็นการเปิดเผยข้อมูลภายใน แม้ไม่ใช่การเปิดเผยเอกสารลับระดับสูง แต่เพียงแค่การพูดถึงขั้นตอนของหน่วยงานรัฐกับต่างชาติ ก็อาจถูกมองว่าเป็นการไม่รักษามาตรฐานของตำแหน่งนักการเมืองระดับสูง
สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือภาพรวมของบทสนทนาหลายตอนที่สะท้อนความสัมพันธ์ส่วนตัวและการยอมรับคำเรียกร้องจากฮุน เซน ไม่ว่าจะเป็นการพูดว่า “ถ้าอยากได้อะไรให้บอกมา เดี๋ยวจัดการให้” หรือ“เปิดด่านได้ เดี๋ยวสั่งกองทัพ” ล้วนเป็นถ้อยคำที่ศาลสามารถตีความว่าเป็นการให้คำมั่นสัญญาที่เกินกว่าขอบเขตการรักษาผลประโยชน์ของชาติทั้งหมด เมื่อประกอบกับมาตรฐานข้อ 19 ที่ห้ามคบหาสมาคมกับผู้มีพฤติกรรมในทางเสื่อมเสีย แม้ฮุน เซนจะเป็นผู้นำระดับภูมิภาค แต่ในสายตาการเมืองไทยที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง การถูกมองว่ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่แนบแน่นเกินไปอาจสร้างความเสื่อมศรัทธาได้
ปัจจัยเหล่านี้เมื่อเทียบกับมาตรฐานจริยธรรมทำให้โอกาสรอดของแพทองธารดูจะน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะไม่เพียงเป็นการตีความทางข้อกฎหมาย แต่ยังเกี่ยวพันกับการเมืองและแรงกดดันทางสังคม หากตุลาการเสียงข้างมากตั้งแต่ 5 เสียงขึ้นไปเห็นตรงกันว่าเป็นการฝ่าฝืนร้ายแรง แพทองธารก็ต้องพ้นจากตำแหน่งทันที
แม้ฝ่ายสนับสนุนแพทองธารจะอ้างว่าเนื้อหาในคลิปอาจถูกตัดต่อหรือไม่ได้แสดงถึงเจตนาที่แท้จริง แต่ในสมรภูมิการเมืองที่เปราะบางเช่นนี้ ความจริงเชิงเทคนิคอาจไม่สำคัญเท่ากับการตีความทางจริยธรรมและแรงกดดันที่รายล้อมอยู่รอบศาลรัฐธรรมนูญ
หากย้อนดูประวัติศาสตร์ทางการเมือง ตระกูลชินวัตรเองก็เคยถูกตัดสินพ้นอำนาจมาแล้ว การซ้ำรอยจึงเป็นภาพที่สังคมและนักวิเคราะห์จำนวนมากเห็นว่าเป็นไปได้สูง
ผลกระทบหากศาลชี้ให้แพทองธารพ้นตำแหน่งจะรุนแรงต่อเสถียรภาพการเมือง พรรคเพื่อไทยต้องหาตัวแทนใหม่ทันที ท่ามกลางแรงกดดันจากทั้งฝ่ายค้านและมวลชนที่อาจออกมาบนท้องถนน ขณะที่หากรอดก็จะไม่ใช่ชัยชนะที่มั่นคงนัก เพราะฝ่ายตรงข้ามจะยิ่งเร่งหาประเด็นใหม่มาท้าทายเพื่อสั่นคลอนอำนาจต่อไป
ก่อนศาลจะชี้ขาด ทุกฝ่ายต่างลุ้นผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน แต่สิ่งที่ชัดเจนคือบรรยากาศความหวังของแพทองธารริบหรี่ลงทุกที เมื่อถ้อยคำในคลิปถูกชำแหละทีละประโยค เทียบกับมาตรฐานจริยธรรมที่เข้มงวด โอกาสที่จะรอดจากดาบของศาลรัฐธรรมนูญจึงเหลือเพียงเส้นด้ายที่เปราะบาง
และคำตัดสินที่จะออกมาในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ อาจกลายเป็นการปิดฉากบทบาทนายกรัฐมนตรีหญิงของตระกูลชินวัตรในแบบที่เธอและผู้สนับสนุนไม่อาจคาดคิดมาก่อน
#แพทองธาร #คดีคลิปเสียงฮุนเซน #ศาลรัฐธรรมนูญ #พรรคเพื่อไทย #การเมืองไทย #ข่าวการเมืองล่าสุด #ริบหรี่โอกาสรอด #ดาบศาลรัฐธรรมนูญ #ชะตาอิ๊งค์ #เดิมพันสูงสุด #การเมืองร้อนระอุ #ThaiPolitics #BreakingNews #PoliticalCrisis #Thailand