ไทยหอบหลักฐานโชว์เลขาฯUN ชี้ ‘กัมพูชา’ ลอบฝังทุ่นระเบิดในไทย
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. เวลา 22.00 น. เพจเฟซบุ๊กผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา "Permanent Mission Of Thailand To The United Nations" เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 ส.ค.2568 นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้เข้าพบหารือกับนาย António Guterres เลขาธิการสหประชาชาติ เกี่ยวกับสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สำหรับประเด็นสำคัญของการหารือครั้งนี้ คือการขอรับคำชี้แจงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลโดยกัมพูชา ซึ่งประเทศไทยดำเนินการตามข้อบทที่ 8 วรรค 2 ของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรืออนุสัญญาออตตาวา ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้มอบหลักฐานเชิงประจักษ์และเอกสารประกอบ นอกเหนือจากเอกสารดังกล่าว โดยคณะผู้แทนไทยฯ แสดงหลักฐานภาพเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาที่แสดงวิธีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลและลักลอบฝังทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในเขตแดนไทย
เอกอัครราชทูตฯ แสดงความห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ด้านมนุษยธรรม สืบเนื่องจากเหตุการณ์ทุ่นระเบิดในเขตแดนไทย โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 2568 ส่งผลให้มีจำนวนทหารที่พิการถาวร จำนวน 6 นาย นอกจากนี้ ไทยได้หยิบยกสถานการณ์ภายหลังการบรรลุความตกลงหยุดยิง พร้อมแสดงความขอบคุณประธานอาเซียนสำหรับการอำนวยความสะดวกดังกล่าว และยืนยันความยึดมั่นในการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวถึงความท้าทายหลายประการ รวมถึงการยั่วยุและเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่บ่อนทำลายความมั่นคง แต่ท่ามกลางความท้าทาย ยังมีพัฒนาการเชิงบวกจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ครั้งล่าสุด 1 วันก่อนหน้า ซึ่งนำมาสู่ข้อตกลง 11 ข้อ เพื่อลดความตึงเครียดทางการทหารและส่งเสริมการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการขับเคลื่อนกลไกการหารือทวิภาคี
ด้านเลขาธิการสหประชาชาติได้รับทราบหลักฐานที่ไทยนำเสนอ และให้ความมั่นใจว่าจะดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเหมาะสม โดยหน่วยงานด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของสหประชาชาติ (United Nations Mine Action Service: UNMAS) พร้อมให้การสนับสนุนการเก็บกู้ทุ่นระเบิด อีกทั้งยังชื่นชมการแก้ไขปัญหาอย่างสันติของประเทศไทยผ่านช่องทางทวิภาคีและพหุภาคีอย่างต่อเนื่อง และขอให้ทั้ง 2 ฝ่ายหารืออย่างสร้างสรรค์ต่อไป
ขณะที่ เอกอัครราชทูตฯ ได้แจ้งเลขาธิการสหประชาชาติถึงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2568 อนุญาตให้ผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาทำงานในประเทศไทยได้อย่างถูกกฎหมาย โดยเลขาธิการสหประชาชาติชื่นชมการตัดสินใจของไทยที่สะท้อนความยึดมั่นในหลักการสิทธิมนุษยชน
ประเทศไทยคงความมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาอย่างสันติผ่านกลไกทางการทูต บนพื้นฐานของกฎหมายระหว่างประเทศ และเพื่อสันติภาพและความมั่งคั่งของภูมิภาค
https://unmissionnewyork.thaiembassy.org/th/content/th-present-evidence