บีบเขมรเก็บระเบิด เริ่มสร้างรั้ว10กม.
กต.เดินสายคุยภาคีอนุสัญญาออตตาวาร่วมกดดันเขมร เปิดทางให้เก็บกู้ระเบิด ศูนย์ทุ่นระเบิดฯ ยันหลักฐานชัดระเบิดใหม่ทำทหารไทยขาขาดรายที่ 6 ขณะที่กองทัพเดินหน้าสร้างรั้วชายแดน เริ่ม 10 กม.ในเขตแดนที่ชัดเจนที่สระแก้ว เผยอยู่ในโรดแมปเสนอ สมช. ขณะที่รัฐบาลเตือน “อินฟลูฯ-รถส้วม” อาจเข้าทางฝั่งตรงข้าม ด้านสภาถกลับเอ็มโอยู เลื่อนตั้ง กมธ.ศึกษา
เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ออกแถลงการณ์ระบุว่า กรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เมื่อวันที่ 27 ส.ค.68 เวลา 15.45 น. ที่ฝ่ายกัมพูชาลักลอบเข้ามาวางไว้บริเวณด้านทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติขอยืนยันว่า เป็นทุ่นระเบิดวางใหม่ 1.จากการสำรวจและพิสูจน์ทราบบริเวณพื้นที่เกิดเหตุฯ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านทุ่นระเบิดของกองกำลังสุรนารี พบชิ้นส่วนเปลือกทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดระเบิดอยู่กับที่ แบบ PMN-2 ตกกระจายอยู่บริเวณปากหลุมระเบิด
2.ตรวจพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดระเบิดอยู่กับที่ แบบ PMN-2 เพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ทุ่น ณ บริเวณพื้นที่เกิดเหตุฯ ซึ่งมีสภาพใหม่ โดยสังเกตได้จากองค์ประกอบต่างๆ ดังนี้ สีของตัวทุ่นระเบิดฯ ยังมีความเขียวสด ตัวอักษรและตัวเลขที่ปรากฏบนตัวทุ่นระเบิดฯ ยังมีความคมชัดเจน และสลักนิรภัยและองค์ประกอบต่างๆ ของทุ่นระเบิดฯ ยังมีสภาพใหม่
3.รูปแบบการวางทุ่นระเบิดฯ เป็นการวางในรูปแบบเดิมที่กัมพูชาใช้วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล กล่าวคือ มีลักษณะการวางเป็นกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มมีประมาณ 2-3 ทุ่น ซึ่งการวางลักษณะนี้ เป็นสิ่งบ่งบอกถึงเจตนามุ่งทำร้ายทหารไทยอย่างชัดเจน 4.พื้นที่เกิดเหตุ เป็นพื้นที่ที่ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติได้ดำเนินการเก็บกู้กวาดล้างทุ่นระเบิดไปแล้วเมื่อปี พ.ศ.2563 และไม่มีการพบทุ่นระเบิดฯ PMN-2 ในการปฏิบัติงาน ซึ่งได้รายงาน ให้ฝ่ายเลขานุการของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ทราบเรียบร้อยแล้ว
เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบรัฐภาคีและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญในกรอบอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครเจนีวา โดย รมว.กต.ได้เน้นย้ำว่าไทยเป็นประเทศที่รักสันติภาพ และมีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาฯ โดยเฉพาะด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อลดผลกระทบด้านมนุษยธรรม และส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชน รวมถึงผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิดโดยตรง ในขณะเดียวกัน ได้บรรยายสรุปเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสและทุพพลภาพจากการเหยียบทุ่นระเบิดที่วางใหม่ รวมถึงเหตุการณ์โจมตีข้ามแดนมายังชุมชนไทย อันเป็นเหตุให้พลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
นายมาริษกล่าวว่า สำหรับการตอบโต้การละเมิดอนุสัญญาออตตาวาของกัมพูชา ไทยยึดหลักสากล และดำเนินการภายใต้กรอบของอนุสัญญาฯ โดยเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศดำเนินการทุกอย่างที่จะนำกัมพูชากลับสู่การปฏิบัติตามอนุสัญญาอย่างสมบูรณ์ ในขณะเดียวกัน ไทยจะยังคงดำเนินการพยายามแก้ปัญหาตามกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ควบคู่กันไป เพื่อให้ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงและอย่างจริงใจ กัมพูชาจะต้องไม่ขัดขวางการปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดของประเทศไทย ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้ได้เกิดขึ้นมาแล้ว 16 ครั้ง ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่กัมพูชาต้องไม่วางทุ่นระเบิดใหม่ และเป็นความสำคัญอย่างยิ่งที่กัมพูชาจะต้องไม่กระทำอื่นใดที่จะทำให้สถานการณ์บานปลาย รวมถึงการใช้สตรีและเด็กเพื่อบุกรุกเข้ามาในดินแดนไทย
“ประเทศไทยเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ไม่มีผู้ใดควรต้องทนทุกข์ทรมานจากอาวุธที่ไร้มนุษยธรรมนี้ และประเทศไทยจะยังคงยึดมั่นในหลักการมนุษยธรรมซึ่งเป็นหัวใจของอนุสัญญาฉบับนี้ต่อไป”
รมว.การต่างประเทศยังได้ประกาศว่า ประเทศไทยจะเข้าร่วมโครงการรณรงค์ของเลขาธิการสหประชาชาติ ว่าด้วยการลดอาวุธเพื่อมนุษยธรรมและปฏิบัติการทุ่นระเบิด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันยาวนานของไทย ทั้งในกรอบอนุสัญญาออตตาวา และกรอบการลดอาวุธเพื่อมนุษยธรรมและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
จ่อสร้างรั้วชายแดนสระแก้ว 10กม.
ที่จังหวัดสระแก้ว พล.อ.มนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมคณะ ลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเขตที่ 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดนจะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรก ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร
ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิและยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดน และวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้นพร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้ การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ได้
โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติ และไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดน ที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม
พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน ส่วนกรณีประชาชนต้องการระดมงบประมาณเพื่อสนับสนุนการสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องขอบคุณประชาชน ซึ่งคงจะต้องดูในแง่กฎหมาย ว่าจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างไรต่อไป
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เปิดเผยแนวคิดให้สร้างรั้วถาวรบริเวณชายแดนบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ว่ายังไม่ได้เสนอเรื่องมาให้รัฐบาลพิจารณา แต่ท่านคงอยากทำให้ได้รับความสบายใจในการแก้ไขปัญหา ซึ่งในความเป็นจริงถ้าตรงไหนมันชัดแล้วก็สร้างได้ แต่หากตรงไหนยังไม่ชัด ต้องเคลียร์ให้ชัดก่อน ไม่เช่นนั้นจะกระทบปัญหาต่างๆ ได้อีก
รถส้วมประชิดชายแดนเข้าทางกัมพูชา
ที่วิทยาลัยเสนาธิการทหาร พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม กล่าวว่า เราเตรียมโรดแมปไว้มากมาย ต้องทำเป็นขั้นเป็นตอน สิ่งที่ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป GBC พยายามทำคือให้มีการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นในการหยุดยิงยังไม่เกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ แต่ตอนนี้เราไปคิดถึงเรื่องของการสร้างรั้ว ซึ่งก็อาจจะทำให้การดำเนินการในการเจรจา อาจทำให้เกิดความสับสนได้ เพราะฉะนั้นจึงขอให้ทำไปตามลำดับ โดย ศบ.ทก.และ GBC ได้เตรียมโรดแมปไว้แล้ว และจะเตรียมนำเสนอเข้า สมช. เพื่อให้การทำงานของทุกส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปตามโรดแมปที่เตรียมไว้ ซึ่งโรดแมปจะต้องเสนอให้ สมช. และเสนอต่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.)
“เรื่องการสร้างรั้วก็ไม่มีปัญหา เพราะเราเห็นด้วย แต่ว่าเขตแดนที่จะไปสร้างรั้วนั้นต้องได้รับความชัดเจนก่อน หากไปสร้างรั้วในจุดที่ไม่มีความชัดเจน ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นมาได้อีก เพราะฉะนั้นจึงต้องมีลำดับของโรดแมปว่าเราจะต้องทำอะไรก่อน
ขณะนี้โรดแมปเสร็จแล้ว แต่คาดว่าจะเสนอต่อ สมช.ในสัปดาห์หน้า และขณะนี้กลไกของ RBC ก็ดำเนินการครบทั้ง 3 พื้นที่แล้ว และบอกไปแล้วว่าข้อสรุปของ GBC เมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ทุกหน่วยสามารถดำเนินการได้ เพราะฉะนั้นในการดำเนินการประชุม GBC ครั้งถัดไป เราก็จะเพิ่มประเด็นขึ้นอีกในการประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในประเด็นที่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มมวลชนนำรถดูดส้วมเข้าพื้นที่บ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้วนั้น นายภูมิธรรมระบุว่า เราต้องมองอย่างแยกแยะ หากพูดถึงท่าทีของรัฐบาลทั้งหมด เป็นบวกอยู่แล้ว แต่กรณีนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกและความคิดเห็นรายบุคคล สิ่งที่เกิดขึ้นอยากให้ประชาชนช่วยกันห้ามปรามว่าอย่าไปทำแบบนั้น ความจริงตนไม่อยากพูด เพราะเดี๋ยวทัวร์ก็มาลงอีกว่าเป็นคนไทยใจเขมร แต่สิ่งนี้เราต้องระมัดระวัง เพื่อให้นานาชาติเข้าใจ เพราะการต่อสู้ขณะนี้หากทำไม่ดีจะเป็นผลผูกพันกับเรื่องของดินแดนและอีกหลายอย่าง และจะลากเราเข้าไปสู่ศาลโลกด้วย ซึ่งจะยิ่งเป็นปัญหา เราไม่อยากเข้าศาลโลก เพราะเราไม่ได้รับรองศาลโลก
ทางด้าน พล.อ.ณัฐพล กล่าวถึงกรณีความเคลื่อนไหวของ 'กัน จอมพลัง' ที่โพสต์ผ่าน Social Media เรื่องการนำรถขนปฏิกูลเข้าในพื้นที่จะเป็นการยั่วยุหรือไม่ว่า แล้วแต่สื่อมวลชนจะคิด แต่สิ่งสำคัญคือเป็นห่วงประชาชนมากกว่า ส่วนจะต้องเตือนสติคนไทยให้ระมัดระวังเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลย้ำว่า ต้องขอฝากสื่อมวลชน เพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ โดยที่ทางฝ่ายกัมพูชาเองก็ไม่สามารถควบคุมมวลชนของกัมพูชา ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องขอความร่วมมือประชาชนได้เพียงอย่างเดียว
สภาประชุมลับเอ็มโอยู-ตั้ง กมธ.ศึกษา
สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจา เกี่ยวกับประเด็นปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา MOU 43-MOU 44 จำนวน 5 ญัตติ เสนอโดย น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย, นายกัณวีร์ สืบแสง, นายนพดล ปัทมะ, นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ และนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมสภาฯ ได้ลงมติเห็นชอบตามที่สมาชิกร้องขอให้ดำเนินการประชุมลับด้วยคะแนนเสียง 198 เสียง ถือว่ามีสมาชิกลงชื่อแสดงความประสงค์ให้ดำเนินการประชุม จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 4 ของสมาชิก หรือ 123 เสียง ซึ่งที่ประชุมได้ตกลงว่า ในช่วงที่เสนอญัตติจะเป็นการประชุมตามปกติ และจะดำเนินการประชุมลับในช่วงที่สมาชิกอภิปราย
จากนั้น น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า พรรคภูมิใจไทยต้องการให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาเพื่อศึกษาทุกด้านของ MOU 43 และ 44 ให้มีความเห็นนักวิชาการฝ่ายกฎหมายในประเทศ และระหว่างประเทศ มีประชาชน สส. เข้าไปศึกษาในคณะนี้ เพื่อนำผลศึกษานั้นมาให้ประชาชนตัดสินใจในชีวิตของเขาด้วย เรื่องนี้เป็นการพูดคุยในเรื่องหลักเขตแดน การวัดพื้นที่ จัดทำแผนที่สันปันน้ำ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาหลัก และเป็นปัญหาลึกๆ ที่เกี่ยวข้องกับ MOU 43 คือ MOU 44 นี่เป็นเรื่องที่เกินกว่าความมั่นคงในประเทศ ระหว่างประเทศ แต่เป็นเรื่องของผลประโยชน์
ทั้งนี้ แม้จะมีการเสนอยกเลิกไปก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะล้างไปทั้งหมด เพราะแน่นอนว่าก็ยังมีเนื้อหาที่เราใช้ได้ ยังมีส่วนที่เราเคารพในเนื้อหาและขั้นตอนหลายอย่าง
"ทำไมยังเป็นเราฝ่ายเดียวที่ยังบอกว่ายึดเอาไว้ เพื่อจะไปนั่งโต๊ะเจรจาในอนาคต ไม่ต้องพูดเรื่อง MOU 44 ที่เรายังไม่เคยคุยกันสักรอบ เพราะคุยกันไม่ได้เลย ถ้าในอนาคตมีการประชุมร่วมในประเด็นนี้ ง่ายที่สุดก็ไม่ต้องใช้สภาเลยด้วยซ้ำ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 178 วรรค 5 ระบุไว้ว่า เมื่อมีปัญหาว่าหนังสือสัญญาใดเป็นกรณีตามวรรค 2 หรือวรรค 3 หรือไม่ คณะรัฐมนตรีจะขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก็ได้ ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีการร้องขอ ซึ่งคณะรัฐมนตรีสามารถใช้ช่องทางนี้ดำเนินการได้เลยว่า MOU ที่เราจะมีการเซ็นสัญญาต่อไปในอนาคตเข้าข้อนี้หรือไม่ และทำไมถึงไม่ใช้" น.ส.แนนกล่าว
น.ส.แนนกล่าวว่า ยังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วงอีกคือการพูดกันว่า กับการปะทะในโซน MOU 43 เพื่อต่อยอดไปในโซน MOU 44 เราจะทำให้ทุกคนเข้าใจกันแบบนั้น ไม่คิดจะค้นคว้าหาคำตอบเลยหรือ ว่าทำไมข้อพิพาทเรื่อง MOU 44 ถึงรุนแรงมาก เป็นเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ใช่เรื่องอธิปไตย เรื่องเขตแดน เรื่องการลากเส้นเกาะกูดจะเป็นอย่างไร เพราะเป็นเรื่องทรัพยากรธรรมชาติที่อยู่ตรงอ่าวไทย
ขณะที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่า แม้สมาชิกทั้งหมดในสภาร่วมกันส่งข้อสรุปและส่งให้รัฐบาลเชื่อว่าปัญหาจะไม่จบ เพราะปัญหานี้มีต้นตอจากรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะผู้นำประเทศ ความขัดแย้งของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ เกิดขึ้นเพราะผู้นำเรื่องสำคัญอย่างยิ่งคือความชอบธรรมของรัฐบาล คือความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการแก้ไขปัญหา แม้ผลการศึกษาของสภาจะดีแค่ไหน แต่สุดท้ายประชาชนคนไทยไม่เชื่อถือ ต่างประเทศไม่ให้ความเคารพ ปัญหาจะได้แก้ไขหรือไม่ จึงเสนอให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาก่อน หาทางออกที่ดีที่สุดให้กับประเทศ และส่งต่อไปยังรัฐบาลชุดหน้าที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน และมีความชอบธรรมสูงกว่านี้
'นพดล' กอดเอ็มโอยู-ป้อง 'ทักษิณ'
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม อภิปรายว่า ถ้ามีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมา จะต้องมากกว่าการพิจารณาศึกษาและให้ข้อแนะนำ จะต้องจัดทำ MOU ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเกี่ยวกับงานต่างประเทศ ความมั่นคง กฎหมาย สิทธิมนุษยชน และมนุษยธรรม เราจำเป็นจะต้องมีผู้คนที่มีความรู้ความเข้าใจในบริบทต่าง ๆ เข้าไปนั่งร่วมกันพิจารณา แม้ MOU 2543-2544 ยุติลงไปก็ได้แล้ว เราควรมี MOU 2568-2569 เพราะอย่างไรก็ตามจะต้องมี MOU ระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะต้องมีการพัฒนา
ด้านนายนพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวนำเสนอญัตติว่า การยกเลิก MOU 43 มีข้อเสียมากกว่าข้อดี ทำให้การแก้ไขเขตแดนไม่มีกรอบเจรจา และไม่สามารถห้ามกัมพูชาไม่ให้เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมได้ ถ้าไปสร้างวัด โรงเรียน หรือตลาด ไม่สามารถประท้วงได้ อาจต้องใช้กำลังทหารผลักดัน เสี่ยงการปะทะต่อสู้ เมื่อไม่มีกรอบเจรจา ทำให้กัมพูชายกระดับเรื่องเขตแดนไปศาลโลก การมี MOU 43 ทำให้ไทยได้เปรียบ ไม่ได้คิดเอง เพราะกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงต่างประเทศ แถลงชัดเจน MOU 43 ทำให้ไทยได้เปรียบ ส่วน MOU 44 เป็นสิ่งยืนยันเขตแดนและผลประโยชน์ทางทะเลให้กัมพูชาและไทยต้องเจรจาร่วมกัน กัมพูชาอยากเจรจาเรื่องผลประโยชน์แก๊สและน้ำมัน แต่ไม่สามารถทำได้ เพราะเอ็มโอยูกำหนดให้ทำได้ เมื่อเจรจาเรื่องเส้นเขตแดนร่วมกันไปด้วย ตนยินดีหากสภามีมติตั้งกรรมาธิการศึกษา ระดมสมองรับฟังความเห็น
"ส่วนเฟกนิวส์ที่ระบุว่า อดีตนายกฯ บอกหากตกลงไม่ได้ให้แบ่ง 50 ต่อ 50 นั้น ไม่จริง และเป็นไปไม่ได้ มีบางคนกล่าวหาในโซเชียลมีเดียว่าเป็น MOU ขายชาตินั้น ไม่อยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริง" นายนพดลกล่าว
ภายหลังการประชุมลับ นายไชยา พรหมา ประธานในที่ประชุม แจ้งว่า สมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วย และรับการตั้ง กมธ.วิสามัญ แต่ให้เลื่อนการตั้ง กมธ.วิสามัญไปเป็นการประชุมในคราวต่อไป เนื่องจากตัวแทนพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน ขอระยะเวลาในการสรรหาบุคคลมาดำรงตำแหน่งใน กมธ.วิสามัญก่อน.