‘ไซเบอร์’ จับมือ ‘AIS’ รวบ 2 หนุ่มส่ง SMS ปลอมทั่วกรุง เร่งล่าตัวบอสชาวจีน
เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.3, พ.ต.ท.ชนทัช วุฒิภัทรโสภณ รอง ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สอท.3 ร่วมกับคุณวิสิษฐศักดิ์ เจริญไชย ผู้จัดการงานองค์กรสัมพันธ์ AIS และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย เป็นชายไทยอายุ 23 และ 25 ปี หลังสืบสวนพบว่ารับจ้างชาวจีน ติดตั้งเครื่องจำลองสถานีฐาน (False Base Station - FBS) ภายในรถยนต์ เพื่อขับตระเวนส่ง SMS ปลอมหลอกประชาชนทั่วกรุงเทพฯ
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา ตำรวจไซเบอร์และ AIS จับกุมวัยรุ่น 2 ราย พร้อมเครื่อง FBS ได้ย่านถนนสิรินธร ซึ่งเชื่อมโยงขบวนการข้ามชาติ โดยการสืบสวนพบเบาะแสเพิ่มเติมว่ามีผู้ร่วมขบวนการอีก จึงสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ไซเบอร์หลายสิบนาย ร่วมกับทีมวิศวกร AIS ลงพื้นที่ตรวจสอบทั่ว กทม.
กระทั่งคืนวันที่ 14 ส.ค. เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ต้องสงสัยยี่ห้อซูซูกิ เออร์ติกา สีขาว ขับอยู่ในย่านสุขุมวิท โดยขณะติดตามพบว่ามีข้อความ SMS ปลอม ถูกส่งเข้าสู่โทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่อย่างต่อเนื่อง รถคันดังกล่าววิ่งผ่านย่านสำคัญหลายแห่ง ก่อนถูกสกัดจับได้บริเวณลานจอดรถกองสลากเก่า ย่านสนามหลวง ตรวจค้นพบเครื่อง FBS และอุปกรณ์เชื่อมต่อครบชุด ติดตั้งอย่างแนบเนียนบนหลังคารถลักษณะคล้ายครีบฉลาม
สอบสวนผู้ต้องหาให้การว่า ได้รับการติดต่อจากชาวกัมพูชาที่รู้จักกันย่านถนนข้าวสาร ก่อนจะถูกส่งงานตรงจาก “บอสชาวจีน” ให้ติดตั้งอุปกรณ์ที่ส่งมาจากต่างประเทศ และขับรถตระเวนส่ง SMS หลอกประชาชนตามจุดพลุกพล่านทั่วกรุงเทพฯ โดยได้รับค่าจ้างเป็นรายวันตั้งแต่ 1,300-3,300 บาท
ตำรวจแจ้งข้อหา 7 ข้อหาหนัก คือ กระทำผิดตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม, พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์, พยายามฉ้อโกงประชาชน และข้อหาอั้งยี่ พร้อมเร่งสืบสวนขยายผลหาความเชื่อมโยงไปยัง “บอสชาวจีน” และเครือข่ายผู้ก่อเหตุที่เคยถูกจับก่อนหน้านี้
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. ย้ำว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธการ “OPERATION KHAO SAN” ที่มุ่งกวาดล้างอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติที่ซ่อนตัวอยู่ในไทย และเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ SMS ที่แนบลิงก์ โดยให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนกรอกข้อมูลส่วนตัวหรือทำธุรกรรมทางการเงิน