ยันชัด “บ้านหนองจาน” สระแก้ว เป็นของไทย 100%
รัฐบาลยืนยันพื้นที่ "บ้านหนองจาน" สระแก้ว เป็นของไทย 100% เตือนกัมพูชาอย่าใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ โฆษกรัฐบาลชี้การรุกล้ำอธิปไตยไทยเป็นการละเมิด MOU ปี 2543 อย่างชัดเจน เช้านี้สถานการณ์ชายแหนทั้ง 7 จังหวัดยังปกติ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก) เปิดเผยถึงกรณีพื้นที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเคยเป็นศูนย์อพยพชั่วคราวให้ชาวกัมพูชาที่หนีภัยสงครามได้เข้ามาพักพิงในอดีต
แต่ปัจจุบันกลับมีการขยายชุมชนและรุกล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 อย่างชัดเจน โดยฝ่ายไทยได้ดำเนินการคัดค้านและประท้วงมาโดยตลอด
นายจิรายุได้ย้ำจุดยืนของรัฐบาลไทยในประเด็นสำคัญ ดังนี้ :
- ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้แสดงเจตนารมณ์ที่เป็นมิตรกับประเทศเพื่อนบ้าน และพร้อมที่จะหารือข้อขัดแย้งผ่านกลไกทวิภาคีที่เหมาะสม เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) แต่ฝ่ายกัมพูชากลับใช้ประชาชนของตนเป็น "กำแพงมนุษย์" เพื่อรุกล้ำเขตแดนไทยอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดบริเวณชายแดน
- ในอดีต ประเทศไทยเคยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ชาวกัมพูชาหลายแสนคนที่หนีภัยสงคราม แต่การที่กัมพูชาบิดเบือนความช่วยเหลือที่ไทยหยิบยื่นให้และใช้โอกาสนี้บุกรุกพื้นที่อธิปไตยของไทย สะท้อนให้เห็นถึงการขาดความจริงใจและเจตนาร้ายอย่างชัดเจน
- การติดตั้งแนวรั้วลวดหนามบริเวณเขตแดนของไทยเป็นสิทธิอันชอบธรรมในการดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตยและรักษาความปลอดภัยของประชาชน รวมถึงป้องกันการรุกล้ำเพิ่มเติมและการลักลอบวางกับระเบิดจากฝ่ายกัมพูชา
การดำเนินการของไทยทั้งหมดเป็นไปตามข้อตกลงในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงจะละเว้นการสร้างหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกนอกเขตของแต่ละประเทศ ซึ่งพื้นที่พิพาทนี้ตามหลักเขตถือเป็นของประเทศไทย 100%
ทั้งนี้ รัฐบาลไทยยังคงมุ่งมั่นที่จะปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน พร้อมรักษาหลักมนุษยธรรมและเปิดรับการหารือผ่านช่องทางการทูตและกลไกที่มีอยู่ แต่จะไม่มีการยอมรับการรุกล้ำใดๆ ที่เป็นการละเมิดกฎหมายและหลักการระหว่างประเทศ
ในส่วนของสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่ 7 จังหวัดเช้าวันนี้ ยังคงเป็นปกติ โดยกองทัพไทยยังคงตรึงกำลังตามแนวที่มั่นทั้ง 11 จุด พร้อมเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และป้องกันการรุกล้ำจากผู้ไม่หวังดี