ดิ้นสู้ฟัด “เขากระโดง VS อัลไพน์”
อย่างที่รู้กันเมื่ออำนาจกระทรวงคลองหลอดเปลี่ยนมือจาก “ภูมิใจไทย” มาอยู่ที่ “เพื่อไทย” ปฏิบัติการล้างบางสีน้ำเงินจึงถูกเปิดเกมเร็ว เคลื่อนเกมแรงเล็งเป้าไปที่ “กล่องดวงใจ” ค่ายสีน้ำเงิน โดยเฉพาะที่ดิน12 แปลง รวมเนื้อที่ 288 ไร่ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงโม่หินศิลาชัย สนามฟุตบอลช้างอารีนา สนามแข่งรถ หรือ Amari Buriram United ธุรกิจโรงแรมที่ใครๆต่างก็รู้กันโดยทั่วว่าเป็นอาณาจักร“ตระกูลชิดชอบ”
การเดินเกมของ “มท.อ้วน” และ “มท.ชาย” เดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย แถลงบทสรุปถึงการดำเนินการเพิกถอนที่ดินเขากระโดง จำนวน 5,083 ไร่ โดยหยิบยกคำวินิจฉัยศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา ที่พิพากษาเด็ดขาดว่า ที่ดินเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)พร้อม “ล้มคำสั่ง” คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นในยุค “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นรมว.มหาดไทย และสั่งให้กรมที่ดินดำเนินการเพิกถอนทันที มีผลนับตั้งแต่วันที่ 2 ส.ค. เป็นต้นไป
ดังนั้นจึงไม่แปลกหากจะได้เห็นจังหวะการเดินเกมของฝั่ง “ครูใหญ่” เนวิน ชินชอบ ประธานบริหารสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ส่งผ่าน “พลพรรคสีน้ำเงิน” แบ่งบท-แบ่งพาร์ทกันเล่น “พาร์ทแรก” ในส่วนของคดี “ครูใหญ่” ส่งทนายความ พร้อมชาวบ้านที่กล่าวอ้างว่ามีเอกสารสิทธิในพื้นที่ดังกล่าว ตั้งโต๊ะแถลงเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา คัดค้านคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ขณะที่ “พาร์ทสอง” เปิดประเด็นตอบโต้กันรายวันระหว่าง 2 ฝั่ง
งานนี้ “นายใหญ่”ฝากบาดแผลเอาคืน ”ครูใหญ่“ บาดลึกเจ็บถึงทรวงจนต้องส่งบทผ่านลูกพรรค “ศุภชัย ใจสมุทร” ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย ที่กระทุ้งไปที่ประเด็น "ขุมทรัพย์ 2 ตระกูล" ภายใต้มาตรฐานในการจัดการระหว่าง “ที่ดินเขากระโดง” ของตระกูลชิดชอบ กับ “สนามกอล์ฟอัลไพน์” อาณาจักรของตระกูลชินวัตร เปิดฉากแตกหักชนิดชาตินี้ไม่มีทางญาติดีกันได้อีกต่อไป
ด้วยบทสรุปที่ยังไม่สรุปเหล่านี้ ไม่แปลกในวันที่อำนาจเปลี่ยนมือ ประเด็น“เขากระโดง VS อัลไพน์” จากเดิมที่ถูกมองว่า เป็นเกมต่อรองที่อาจสมประโยชน์ร่วมกันระหว่าง “2 นาย”แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นการเปิดฉากเอาคืนกันไปมา บทสรุปของมหากาพย์ที่ดินเขากระโดงยังไม่จบลงง่าย ๆ และคาดว่าจะต้องต่อสู้กันในชั้นศาลไปอีกหลายปี ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายจะกลายเป็นอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป.