‘รักชนก’ เปิดเบื้องหลัง สตง. คว้าอันดับ 1 โปร่งใส ชี้คะแนน ITA สะท้อนความจริงไม่ได้
วานนี้ (18 สิงหาคม) รักชนก ศรีนอก สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สส.) กรุงเทพฯ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก รักชนก ศรีนอก – Rukchanok Srinork
ถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยสำนักประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส จัดงานประกาศผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA) ได้ทำการประเมิน ITA ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยกลุ่มองค์กรอิสระพบว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 94.64 คะแนน
โดยระบุว่า “วันนี้ทุกคนคงได้ขำกันไปแล้ว กับข่าว สตง. คว้าอันดับ 1 ความโปร่งใส เลยจะมาเล่าให้ฟังว่า
- คะแนน ITA คืออะไร?
- วัดแล้วดี แปลว่าดีจริงไหม?
- ทำไม สตง. ได้ที่ 1?
คะแนน ITA คืออะไร?
ITA (INTEGRITY AND TRANSPARENCY ASSESSMENT) คือคะแนนการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ที่ประเมินโดยสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติที่เขียนล็อกไว้และให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศ ที่อยากทำให้อันดับและคะแนน CPI หรือ ดัชนีภาพลักษณ์การคอร์รัปชันดีขึ้น ซึ่งเป็นการวัดที่แข่งอันดับกันทั้งโลก ประเทศไทยปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 109 จาก 180 ประเทศทั่วโลก
วัดแล้วดี แปลว่าดีจริงไหม?
การเก็บข้อมูล การประเมิน ITA เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 10 กว่าปีเข้าไปแล้ว แต่เรื่องคอร์รัปชันในภาครัฐไม่มีอะไรดีขึ้นเลย สวนทางกับคะแนนของหน่วยงานที่ดีวันดีคืน เพราะอะไร คงต้องไปดูการประเมิน
มีการเก็บข้อมูลจาก 3 ส่วน ดังนี้
ส่วนที่ 1 แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภายใน: โดยจะให้บุคลากรทุกระดับที่ปฏิบัติงานมาไม่น้อยกว่า 1 ปี ได้แสดงความคิดเห็นต่อคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานตนเอง โดยสอบถาม การรับรู้และความคิดเห็น แล้วใครมันจะไปบอกว่าหน่วยงานตัวเองไม่ดี เผลอๆผู้บังคับบัญชาจะออกคำสั่งเองเลยด้วยซ้ำว่าห้ามประเมินออกมาห่วย
ส่วนที่ 2 แบบวัดการรับรู้ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ภายนอก: โดยให้ผู้รับบริการหรือผู้ติดต่อหน่วยงานภาครัฐในช่วงปีงบประมาณได้แสดงความคิดเห็นต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งหน่วยงานภาครัฐเกือบทั้งหมด รู้กันอยู่แล้วว่าไม่มีใครอยากทำให้คะแนนของใครต่ำลง ก็เหมือนผลัดกันเกาหลัง
ส่วนที่ 3 แบบวัดการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ: เป็นการตรวจสอบระดับการเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐที่เผยแพร่ไว้ทางหน้าเว็บไซต์หลักของหน่วยงาน ซึ่งประชาชนทั่วไปไม่รู้อยู่แล้วว่าจริงๆหน่วยงานควรจะต้องเปิดเผยอะไรบ้าง ธรรมภิบาลข้อมูลทำกับแค่ครึ่งเดียว และทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกปิดบัง แอบซ่อนไว้อยู่แล้ว หาในเว็บเท่าไหร่ก็เจอหรอกจ้า แล้วให้พูดกันจริงๆ จะมีประชาชนจริงๆมาประเมินกันสักกี่คน มันก็เป็นการบอกให้ญาติโกโหติกาของคนในนั่นแหละช่วยประเมินให้หน่อย
ปัญหาใหญ่ๆคือ หลายๆหน่วยงานมองการประเมิน ITA เป็นภาระมากกว่าโอกาสอันดีในการแก้ปัญหาเรื่องคอร์รัปชัน บางหน่วยงานถึงกับลอกข้อมูลจากหน่วยงานอื่น และ ปิดบังข้อมูลที่อาจส่งผลเสียต่อคะแนน ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ทำให้การแม้จะวัดไปแล้วได้คะแนนดีๆออกมา แต่มันไม่ได้สะท้อนความจริงอะไรเลย.
ทำไม สตง. ได้ที่ 1?
ITA เป็นการประเมินหน่วยงานรัฐ 8,323 หน่วยทั่วประเทศ แต่ไม่ได้เรียงลำดับตั้งแต่ 1 ไปถึง 8,323 แต่จะจัดอันดับกันเป็นประเภท เช่น จังหวัด ก็แข่งกัน 76 จังหวัด
หน่วยงานระดับกรม ก็แข่งกัน 160 หน่วยงาน เทศบาลก็เยอะหน่อย 2247 เทศบาล
องค์กรศาล ก็แข่งกันแค่ 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานศาลปกครอง สำนักงานยุติธรรม สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ
และ องค์กรอิสระ ก็แข่งกันแค่ 5 หน่วย คือ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน (คตง.), สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)
ดังนั้น สตง. ได้ที่ 1 ไม่ต้องแปลกใจ ปีที่แล้ว กกต. ยังได้ที่ 1 เลย มีเรื่องให้ขำกันทุกปีนั่นแหละ
ที่ฮาจัดเลยคือเมื่อต้นปี เดือนมกราคม สตง. ก็ซัด ป.ป.ช. ว่าโครงการประเมินคุณธรรม ITA มีปัญหาเครื่องมือบางส่วนยังไม่ชัดเจน ไม่สามารถแสดงให้เห็นว่าหน่วยงานภาครัฐเป็นหน่วยงานที่มีความโปร่งใสไม่ทุจริตได้จริง แถมด่าโยบาย No Gift Policy ‘งดรับของขวัญและของกำนัลทุกชนิด’ ของ ป.ป.ช. ว่าโชว์หราหน้าเว็บไซต์ แต่ผู้บริหารองค์กรถูกจับกุมความผิดฐานเรียกรับผลประโยชน์ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
อ่านจบแล้วขำกว่าเดิมปะ ประเทศเราเสียเงินและเสียเวลาไปกับการทำอะไรแบบนี้แหละ ทุกสิ่งอย่างเป็นความตั้งใจอันดีหมด แต่พอทำแบบไทยๆ มาตรฐานแบบไทยๆ ก็เป็นอย่างที่ท่านเห็น ไม่ต้องสืบเพราะทุกหน่วยงานประเมินผ่านหมด ได้คะแนน 80-90 ขึ้นกันหมด แต่หันดูสภาพความเป็นจริงดิ คอร์รัปชันประเทศนี้ลดลงไหม ประเมินแล้วได้อะไร
จริงๆ แล้ว ป.ป.ช. ก่อนจะมีหน้าไปประเมินอะไรคนอื่น ควรเริ่มที่ตัวเองก่อน บัญชีทรัพย์สินนักการเมือง ทุกวันนี้เปิดแค่ 180 วัน ถ้าใครอยากดูหลังจากนั้นต้องไปดูที่นนทบุรี อยู่เบตง อยู่เชียงใหม่อยากดูบัญชีทรัพย์สิน ส.ส. บ้านตัวเองต้องหอบสังขารมาที่นนทบุรีนะจ๊ะ แล้วไม่ให้ถ่ายรูป ไม่ให้ถ่ายเอกสารนะ ให้ดูด้วยตาแล้วใช้สมองจำเอา (ซึ่งเป็นผลจากการอยากปกป้องประยุทธ์และประวิตรเพราะไม่อยากให้มีใครมาดูทรัพย์สินได้ เป็นไงล่ะ ที่นี่ประเทศไทย)”
อ้างอิง:
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: