ธปท.ชี้สินเชื่อแบงก์ไตรมาส 3/68 ยังไม่กลับมาขยายตัว ห่วงกลุ่ม SMEs
นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ (รวมเครือ) ไตรมาส 2/2568 โดยรวมยังหดตัวต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ชะลอลงมาอยู่ที่ 0.9% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่สินเชื่อธุรกิจ SMEs และสินเชื่ออุปโภคบริโภคหดตัวต่อเนื่อง ตามความเสี่ยงด้านเครดิตที่ยังอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ยอดคงค้างสินเชื่อ NPL ไตรมาส 2/2568 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 554.9 พันล้านบาท โดยหลักจากสินเชื่อธุรกิจ ขณะที่ปริมาณ NPL ของสินเชื่ออุปโภคบริโภคปรับลดลงทุกประเภท ส่งผลให้สัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวม ทรงตัวอยู่ที่ 2.91%
สำหรับสินเชื่อ Stage 2 ปรับลดลงในเกือบทุกพอร์ต โดยหลักเป็นการจัดชั้นดีขึ้นของลูกหนี้ที่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ส่งผลให้สัดส่วน stage 2 ลดลงอยู่ที่ 6.88% อย่างไรก็ดี ธนาคารพาณิชย์ยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริหารจัดการคุณภาพหนี้
ด้านผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ปรับดีขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยหลักจากรายได้เงินปันผลตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองปรับเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นจากผลกระทบนโยบายการค้าโลก ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับลดลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและปริมาณสินเชื่อที่ลดลง รวมทั้งจากมาตรการคุณสู้ เราช่วย ที่มีการลดดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้ อย่างไรก็ตาม ระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ยังต้องติดตามภาวะการเงินที่ยังตึงตัวและความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ฟื้นตัวช้าและมีภาระหนี้สูง รวมถึงธุรกิจและครัวเรือนที่อาจได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมต่อฐานะการเงินจากผลกระทบมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกา
ตลอดจนติดตามผลสำเร็จของการให้ความช่วยเหลือภายใต้โครงการคุณสู้เราช่วย โดย ธปท. ขยายขอบเขตการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ระยะที่ 2 และขยายระยะเวลาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ ระยะที่ 1 โดยลูกหนี้ทยอยสมัครเขาโครงการผ่านระบบ ธปท. และผ่านสถาบันการเงินต่อเนื่องได้ถึงสิ้นเดือน ก.ย.2568
นับตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2568-18 ส.ค.2568 มีลูกหนี้ที่ลงทะเบียนทั้งหมด จำนวน 1.7 ล้านราย เป็นจำนวน 2.2 ล้านบัญชี โดยมีลูกหนี้ลงทะเบียนที่เข้าข่าย จำนวน 7.4 แสนราย คิดเป็น 20% ของลูกหนี้ที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมโครงการ จำนวน 3.7 ล้านราย ยอดหนี้ 5.3 แสนล้านบาท คิดเป็น 44% ของยอดหนี้ 1.2 ล้านล้านบาท
“มาตรการที่เราช่วยลูกหนี้บ้าน รถ สินเชื่อส่วนบุคคล และ SMEs ขนาดเล็ก ยังมี คุณสู้ เราช่วย อยู่จนถึงสิ้นเดือน ก.ย.2568 แต่หลังจากนี้ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทาง ธปท. กระทรวงการคลัง และภาคเอกชน ได้ระดมความคิดเห็นกันตลอดว่าจะมีมาตรการใดที่จะสนับสนุนภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ปรับตัวและเปลี่ยนผ่านไปสู่สถานการณ์รูปแบบใหม่ได้ จากภาษีสหรัฐฯ 19% เราไม่ได้สูงกว่าคู่แข่ง เป็นสัญญาณที่ดีส่วนหนึ่ง แต่จำเป็นที่จะต้องมีการปรับตัว” นางสาวสุวรรณี กล่าว
สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ไตรมาส 1/2568 ปรับลดลงจากไตรมาสก่อน จากสินเชื่อภาคครัวเรือนที่ขยายตัวชะลอลงเป็นสำคัญ ขณะที่ภาคธุรกิจมีสัดส่วนหนี้สินต่อ GDP ลดลงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่การก่อหนี้ทรงตัว ด้านความสามารถในการทำกำไรโดยรวมลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อน แม้ภาคการผลิตปรับดีขึ้นจากการเร่งผลิตเพื่อส่งออก แต่ภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการอื่นๆ เผชิญแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลงและกำลังซื้อที่ชะลอลงในตลาดที่อยู่อาศัย
สำหรับแนวโน้มสินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3/2568 คาดว่าจะยังไม่สามารถกลับมาขยายตัวได้ เนื่องจากหลังจากนี้จะเห็นการ Deleverage ของหนี้ที่จะลดลง ประกอบกับการระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ
“เราห่วงกลุ่ม SMEs ที่มีข้อกังวลทั้งสินเชื่อที่ติดลบต่อเนื่อง และ NPL ที่ยังปรับเพิ่มขึ้น แม้จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงจากไตรมาสก่อน เป็นห่วงจากการมองไปข้างหน้ามากกว่า จากสถานการณ์ทั้งเรื่องการแข่งขันจากสินค้านำเข้า และการเป็นซัพพลายเชนของกลุ่มธุรกิจส่งออก” นางสาวสุวรรณี กล่าว