แอสเซทไวส์ เปิดตัว Grow Green พัฒนา ESG Coin ใช้จ่ายในร้านค้าได้จริง
นายวุฒิ วิพันธ์พงษ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารความยั่งยืนทางธุรกิจและสิ่งแวดล้อม บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ AssetWise บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” กล่าวว่า
แอสเซทไวส์ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด ในกลุ่มบริษัทบางจาก และตลาดยิ่งเจริญ โดยบริษัท สุวพีร์โฮลดิ้ง 2 จำกัด ในการรณรงค์ลดการใช้นํ้ามันทอดซํ้า (Used Cooking Oil : UCO) และส่งต่อนํ้ามันปรุงอาหารใช้แล้ว นำไปผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) เพื่อช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมสุขภาพของผู้บริโภค
ทั้งนี้ บริษัท แอสเซทไวส์ จะสนับสนุนแพลตฟอร์ม AssetWise GrowGreen ให้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการบันทึกข้อมูลการส่งต่อนํ้ามันใช้แล้วอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมเปลี่ยนมูลค่านํ้ามัน UCO เป็นคอยน์ดิจิทัลที่สามารถนำไปใช้จ่ายที่ร้านค้าในตลาดยิ่งเจริญได้จริงผ่าน Line OA : ASWGrowGreen
ทั้งนี้รายได้จากการสนับสนุนแพลตฟอร์มโดยไม่หักค่าใช้จ่าย แอสเซทไวส์จะนำไปสมทบทุนมอบให้กับ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช และองค์กรสาธารณกุศลอื่นต่อไป การดำเนินงานครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนโครงการ “Fry to Fly”
“แอสเซทไวส์เดินหน้าสร้างแรงจูงใจให้เกิดการมีส่วนร่วมด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์ม “Asset Wise Grow Green” ที่ช่วยบันทึกกิจกรรมด้านความยั่งยืน แล้วแปลงเป็นดิจิทัลคอยน์ (ESG Coin) ที่สามารถนำไปใช้จ่ายได้จริง เพื่อกระตุ้นให้ความยั่งยืนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทย และขยายสู่การเป็นชุมชนเมืองรักษ์โลก
ทั้งยังช่วยสร้างรายได้กับร้านค้า เป็นการต่อยอดจากแนวคิด GrowGreen ที่แอสเซทไวส์ยึดถือในการดำเนินธุรกิจและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero+ สร้างความยั่งยืนครอบคลุมทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ”
นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า แพลตฟอร์ม AssetWise GrowGreen ถือเป็นแนวทางที่ดีที่ช่วยจูงใจให้ประชาชนคัดแยกขยะกันมากขึ้น เพราะเมื่อสามารถแลกเปลี่ยนเป็นคอยน์ ที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการอยากแยกขยะ ต่างจากเดิมที่ประชาชนอาจยังไม่เห็นประโยชน์ของการคัดแยกมากนัก
สอดคล้องกับแนวทางของ กทม. ที่มุ่งสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนร่วมลดและคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง โดยออกนโยบายเรือธงอย่าง“บ้านนี้ไม่เทรวม : ลดขยะลดค่าธรรมเนียม” จนถึงการจัดเก็บค่าธรรมเนียมตามปริมาณขยะในภาคเอกชน เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร
เนื่องจากปัจจุบัน กรุงเทพมหานคร ผลิตขยะกว่า 8,000 ตันต่อวัน โดยกว่า 50% เป็นขยะเศษอาหาร ซึ่งเป็นขยะปนเปื้อนที่ยากต่อการรีไซเคิล หากประชาชนให้ความร่วมมือมากขึ้น ก็จะทำให้จัดการขยะได้ถูกวิธี และช่วยลดขยะในเมืองให้เหลือน้อยที่สุด