เปิดประวัติ! 9 พระในสังกัด "สีกากอล์ฟ" 5 รูปเป็น "พระราชาคณะชั้นเทพ"
เปิดประวัติ! 9 พระในสังกัด "สีกากอล์ฟ" 5 รูปเป็น "พระราชาคณะชั้นเทพ"
1. อดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือ “ทิดอาชว์” อดีตเจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ
พระเทพวชิรปาโมกข์ (นามเดิม: อาชว์ ฉายา: อาชฺชวปเสฏฺโฐ) เดิมเป็นพระสงฆ์ในนิกายธรรมยุต ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนักบริหารและพระนักธรรมที่มีความสามารถสูง มีบทบาทสำคัญในวงการคณะสงฆ์ โดยเฉพาะในด้านการปกครองและการศึกษาพระปริยัติธรรม ท่านเกิดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2513 มีอายุ 55 ปี (ณ ปี พ.ศ. 2568) บวชในสายธรรมยุตและสอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค พร้อมจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านศาสนศาสตร์ (ศน.บ.)
ในเส้นทางการปกครองคณะสงฆ์ ท่านเคยดำรงตำแหน่งที่สำคัญหลายตำแหน่ง เช่น ผู้รักษาการเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี, เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม–สุพรรณบุรี และต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพวรวิหาร และ เจ้าคณะภาค 14–15 ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับสูงในฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ท่านยังเคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการแม่กองธรรมสนามหลวง และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรมทั่วประเทศ
ด้านสมณศักดิ์ ท่านได้รับพระราชทานเป็นลำดับดังนี้:
พ.ศ. 2551: พระชินวงศเวที (ชั้นสามัญ)
พ.ศ. 2557: พระราชสารสุธี (ชั้นราช)
พ.ศ. 2566: พระเทพวชิรปาโมกข์ (ชั้นเทพ)
อย่างไรก็ตาม ในปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568 ได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความตกใจต่อวงการสงฆ์และประชาชนทั่วไป เมื่อมีรายงานว่าท่านได้ลาสิกขาอย่างกะทันหันที่วัดจันทร์สามัคคี จังหวัดหนองคาย โดยไม่มีการชี้แจงเหตุผลต่อสาธารณชนอย่างชัดเจน จากนั้นได้เดินทางข้ามชายแดนไปยัง สปป.ลาว เป็นเหตุให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยถึงสาเหตุของการลาสิกขา และต่อมาไม่นานจึงมีการยืนยันว่า ท่านได้ถูกจับสึกในภายหลัง และไม่ได้กลับเข้าสู่สมณเพศอีก
หลังจากการลาสิกขา หน่วยงานรัฐหลายแห่งรวมถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เริ่มเข้าสอบสวนทรัพย์สินของวัดตรีทศเทพและตรวจสอบความเกี่ยวข้องของอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์กับการกระทำผิดต่าง ๆ โดยเฉพาะกรณี ยักยอกทรัพย์ของวัด, ฟอกเงิน, และ ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับสีกาไฮโซ ซึ่งสื่อมวลชนตั้งฉายาว่า “สีกาเก็น” หรือ “สีกากอล์ฟ” นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายพนันออนไลน์ และการถือครอง คริปโตเคอร์เรนซี มูลค่าสูงที่ยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวน
มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่พบ คลิปและภาพหลักฐานทางดิจิทัลมากกว่า 80,000 รายการ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการแบล็กเมล์และความประพฤติไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่หลายรูป โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นข่าวใหญ่และส่งแรงสะเทือนไปทั้งวงการคณะสงฆ์ไทย โดยเฉพาะในนิกายธรรมยุต ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องความเข้มงวดในพระธรรมวินัย การลาสิกขาอย่างกะทันหันของอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ นับเป็นอีกหนึ่งบทเรียนสำคัญในวงการพระพุทธศาสนายุคปัจจุบัน
2. อดีตพระครูปลัดสุรพล อิทธิเตโช อดีตเจ้าอาวาสวัดพรหมเกษร ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก
พระครูปลัดสุรพล อิทธิเตโช เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดพรหมเกษร อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ท่านเป็นพระนักเทศน์ที่มีชื่อเสียง ได้รับความเคารพนับถือจากญาติโยมอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในภาคเหนือและภาคกลางของประเทศไทย มีความเชี่ยวชาญด้านการเทศน์มหาชาติ การทำขวัญนาค และพิธีกรรมในงานศพ ท่านมีลักษณะการเทศน์ที่โดดเด่น ผสมผสานระหว่างเสียงแหล่ จังหวะ และเนื้อหาธรรมะได้อย่างไพเราะ จนกลายเป็นที่นิยมและถูกเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ เช่น YouTube และ Facebook อย่างต่อเนื่อง
พระครูปลัดสุรพลมีบทบาทสำคัญในการสืบสานพระพุทธศาสนา ทั้งในด้านพิธีกรรมและการเผยแผ่ธรรมะ โดยมักได้รับเชิญไปแสดงธรรมในงานบุญต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือและภาคกลาง ท่านได้สร้างชื่อเสียงจากการเทศน์แหล่ในหัวข้อ "กำเนิดนาค" และพิธีทำขวัญนาคที่ยึดตามประเพณีไทยอย่างเคร่งครัด อีกทั้งยังมีผู้ติดตามและศรัทธาในแนวทางการสอนธรรมของท่านเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางปี พ.ศ. 2568 (2025) ได้เกิดกระแสข่าวในสื่อออนไลน์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งถูกสื่อบางแห่งเรียกว่า “น้องดอกไม้” โดยมีการกล่าวอ้างว่าท่านอาจมีบุตรสาวอายุประมาณ 13 ปี แม้ข่าวดังกล่าวจะยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากฝ่ายกฎหมายหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่เหตุการณ์นี้ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง
เพื่อไม่ให้ข่าวลือนี้ส่งผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาและภาพลักษณ์ของวัดพรหมเกษร พระครูปลัดสุรพลจึงตัดสินใจลาสิกขาอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ณ วัดกรุงกรัก อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก พิธีลาสิกขาเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีพระสงฆ์และญาติโยมใกล้ชิดร่วมเป็นสักขีพยาน ท่านได้แถลงต่อผู้ใกล้ชิดว่าการลาสิกขาในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจด้วยความสมัครใจ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อวัดและศาสนา
3. อดีตพระเทพวชิรธีราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี
อดีตพระเทพวชิรธีราภรณ์ มีนามเดิมว่า “ประดิษฐ์” ฉายาทางธรรมว่า “ฐิตเมโธ” เป็นพระในนิกายมหานิกาย เกิดราวปี พ.ศ. 2503 (อายุประมาณ 65 ปี) ได้อุปสมบทเมื่อ พ.ศ. 2525 และศึกษาพระปริยัติธรรมจนสำเร็จเปรียญธรรม 9 ประโยค ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดของการศึกษาพระบาลี นอกจากนี้ ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนักเทศน์ พระนักบริหาร และเป็นที่เคารพนับถือในพื้นที่ภาคกลาง โดยเฉพาะในจังหวัดสระบุรี
ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดพระพุทธฉาย อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี ตั้งแต่ พ.ศ. 2536 และมีบทบาทสำคัญในงานปกครองคณะสงฆ์ โดยดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง เช่น
รองเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี
ผู้รักษาการเจ้าอาวาสวัดเขาขี้เหล็ก
รองเจ้าคณะภาค 2 (ครอบคลุมหลายจังหวัดภาคกลางตอนบน)
ตลอดระยะเวลาการดำรงสมณเพศ ท่านได้รับสมณศักดิ์ลำดับสูงขึ้นตามลำดับ คือ
พ.ศ. 2547: พระสุธีวราภรณ์
พ.ศ. 2557: พระราชธีราภรณ์
พ.ศ. 2567: พระเทพวชิรธีราภรณ์ (สมณศักดิ์ชั้นเทพ ราชทินนาม "สุนทรศาสนดิลก")
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2568 ได้เกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาพลักษณ์ของพระสงฆ์ เมื่อมีการเผยแพร่ คลิปวิดีโอจากมือถือของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่ปรากฏภาพของอดีตพระเทพวชิรธีราภรณ์อยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสมทางพระวินัย มีพฤติกรรมเชิงชู้สาวกับหญิงคนดังกล่าวภายในกุฏิ ต่อมาทราบชื่อภายหลังว่าเป็น “สีกา ก.” ซึ่งรู้จักกับอดีตพระรูปนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ผ่านการพูดคุยทางเฟซบุ๊ก โดยฝ่ายหญิงเป็นผู้เริ่มต้นเข้าหา
ท่านให้การว่า เคยมีแผนจะลาสิกขาเพื่อแต่งงานกับหญิงคนนี้ แต่ต่อมาเกิดความผิดหวังเมื่อทราบว่าหญิงคนดังกล่าวมีความสัมพันธ์กับพระผู้ใหญ่อีกหลายรูป และอาจมีการใช้ข้อมูลส่วนตัวไปในทางแบล็กเมล์ จึงตัดสินใจยอมสึกในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พบว่า มีการโอนเงินระหว่างอดีตพระเทพวชิรธีราภรณ์กับหญิงคนดังกล่าวเป็นจำนวนกว่า 3 ล้านบาท ในช่วง พ.ศ. 2565–2568 ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวนว่ามีการนำเงินจากวัดมาใช้หรือไม่ นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานเป็นภาพถ่าย คลิปเสียง และไฟล์ดิจิทัลมากกว่า 80,000 รายการที่อาจเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมไม่เหมาะสม ซึ่งอาจกระทบพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่อีกหลายรูป
4. อดีตพระเทพวชิรธีรคุณ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ กรุงเทพฯ
พระเทพวชิรธีรคุณ มีนามเดิมว่า นิกร มโนกโร เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 อุปสมบทเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2529 ท่านศึกษาพระปริยัติธรรมจนสำเร็จเปรียญธรรม 9 ประโยค และได้รับปริญญาศึกษาศาสตรบัณฑิต
ท่านดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะสงฆ์หลายตำแหน่ง ได้แก่ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 รองเจ้าคณะภาค 7 และพระอุปัชฌาย์ประเภทวิสามัญ รวมทั้งเป็นเลขานุการแม่กองบาลีสนามหลวง และกรรมการมูลนิธิหลวงพ่อวัดปากน้ำ
พระเทพวชิรธีรคุณได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นต่าง ๆ ดังนี้ พระราชาคณะชั้นสามัญในปี พ.ศ. 2547 พระราชาคณะชั้นราชในปี พ.ศ. 2559 และพระราชาคณะชั้นเทพในปี พ.ศ. 2567 โดยได้รับพระนามว่า พระเทพวชิรธีรคุณ สุนทรปริยัติดิลก
ในปี พ.ศ. 2568 มีการเปิดเผยคลิปและภาพที่เกี่ยวข้องกับพระเทพวชิรธีรคุณและหญิงสาวที่เรียกกันว่า “สีกากอล์ฟ” ซึ่งเป็นพฤติกรรมขัดต่อพระธรรมวินัย โดยคลิปและภาพเหล่านี้มีจำนวนมากและเป็นหลักฐานสำคัญ ต่อมาท่านได้ยอมสึกในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ขณะนี้กำลังมีการสอบสวนเรื่องการเงินและการใช้จ่ายที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตและยักยอกเงินวัด รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐและการฟอกเงิน
5. อดีตพระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ วัดใหม่ยายแป้น กรุงเทพฯ
พระมหาบุญเลิศ อินฺทปญฺโญ (ชื่อเดิม: ช่วยธานี) เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 ที่ตำบลโคกยาว อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นบุตรคนสุดท้องของครอบครัวยากจน เติบโตมากับปู่ย่าและมีความสนใจในการเรียนมาตั้งแต่เด็ก แม้จะสอบได้ที่ 1 ในชั้นเรียน แต่เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่สามารถส่งเรียนต่อในระดับมัธยมได้ จึงเริ่มทำงานก่อสร้างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงชีพ ก่อนตัดสินใจบวชเป็นเณรเพื่อใช้ชีวิตทางธรรมและศึกษาต่อ
หลังจากอุปสมบท ท่านได้เข้าเรียนที่สำนักเรียนปริยัติธรรมแผนกบาลี วัดกะพังสุรินทร์ จังหวัดตรัง เป็นเวลา 2 ปี จนสอบได้นักธรรมชั้นเอก และเปรียญธรรม 3 ประโยค จากนั้นได้ย้ายมาเรียนต่อที่กรุงเทพมหานคร พร้อมกับเพื่อนสามเณรที่วัดชนะสงคราม ศึกษาวิชาบาลีและสอบไล่ได้เปรียญธรรม 7 ประโยค ระหว่างนั้นยังศึกษาระดับปริญญาตรีและสูงขึ้นจนจบปริญญาเอกในสาขารัฐประศาสนศาสตร์
ท่านได้เข้ารับราชการในมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 โดยดำรงตำแหน่งต่าง ๆ เช่น อาจารย์ประจำวิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช จังหวัดพิษณุโลก ผู้อำนวยการหน่วยวิทยบริการคณะสังคมศาสตร์ วัดไร่ขิง จังหวัดนครปฐม และจังหวัดชลบุรี ผู้อำนวยการหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ และรองผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี มจร. วัดไร่ขิง
ในปี พ.ศ. 2561 ท่านได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง "ศาสตราจารย์" สาขาวิชารัฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มจร. ถือเป็นพระสงฆ์อายุน้อยที่สุดที่ได้รับตำแหน่งนี้ในประวัติศาสตร์ของคณะสงฆ์ไทย
อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ. 2568 ท่านได้ตัดสินใจลาสิกขา หลังมีข่าวพัวพันกับหญิงสาวที่เรียกกันว่า "สีกากอล์ฟ" โดยท่านอ้างว่าได้รับการวางยาจากหญิงสาวดังกล่าว และถูกถ่ายภาพแบล็กเมล ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของท่านและวงการคณะสงฆ์
6. พระครูสิริวิริยธาดา วัดโสธรวราราม จ.ฉะเชิงเทรา
พระครูสิริวิริยธาดา มีชื่อเดิมว่า พลพิพัฒน์ ใยอุ่น เกิดเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2528 ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา อุปสมบทเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร มีสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร
ท่านสำเร็จการศึกษาทางพระปริยัติธรรม โดยสอบได้ นักธรรมชั้นเอก และเปรียญธรรม 5 ประโยค นอกจากนี้ยังได้รับปริญญาพุทธศาสตรบัณฑิต รัฐศาสตรบัณฑิต และรัฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
พระครูสิริวิริยธาดาเป็นที่รู้จักในฐานะพระนักเทศน์และมีบทบาทในการพัฒนาชุมชน โดยได้รับมอบหมายให้บรรยายในโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการชุมชนบำบัดยาเสพติดและโครงการเยาวชนเพิ่มพลังด้วยธรรม
ในปี พ.ศ. 2568 พระครูสิริวิริยธาดาได้มีข่าวเกี่ยวข้องกับคลิปวิดีโอที่ไม่เหมาะสมกับหญิงสาวคนหนึ่งที่เรียกว่า "สีกากอล์ฟ" และต่อมาได้ลาสิกขาเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ดังกล่าว
7. พระปริยัติธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร
พระปริยัติธาดา (สมนึกฐิตเมโธ ป.ธ.7.ดร.) เคยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร และเป็นพระนักวิชาการที่มีชื่อเสียงในวงการสงฆ์ไทย ท่านมีบทบาทสำคัญด้านการศึกษาพระปริยัติธรรม โดยเป็นครูสอนบาลีที่วัดกัลยาณมิตร ซึ่งเป็นสำนักเรียนบาลีที่มีชื่อเสียง
ในช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2568 ท่านถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์กับหญิงสาวที่เรียกกันว่า “สีกากอล์ฟ” ซึ่งมีคลิปวิดีโอและหลักฐานอื่น ๆ ถูกเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ หลังจากนั้นท่านได้หายตัวไปจากวัดกัลยาณมิตร
ต่อมาในวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 มีรายงานว่าท่านได้เดินทางไปลาสิกขาที่วัดบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยมีพระครูพิพัฒน์ชญาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดบ้านค่าย เป็นพระคู่สวดรับคำลาสิกขา
การลาสิกขาของพระปริยัติธาดาในครั้งนี้สร้างความสะเทือนใจแก่ลูกศิษย์และพุทธศาสนิกชนที่เคยเคารพนับถือท่าน ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเส้นทางชีวิตหลังจากลาสิกขาของท่าน
8. อดีตพระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา
พระเทพพัชราภรณ์ (สมพงษ์ ฐิตวํโส ป.ธ.4) เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม พระอารามหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 1–2–3 (ธรรมยุติกนิกาย) ท่านเกิดเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2501 มีอายุ 67 ปี และมีอายุพรรษา 45 พรรษา
พระเทพพัชราภรณ์สำเร็จการศึกษาทางพระปริยัติธรรมและการศึกษาทางโลกหลายระดับ รวมถึงปริญญาศาสนศาสตรบัณฑิต (ศน.บ.) ปริญญาศึกษาศาสตรบัณฑิต (ศษ.บ.) และปริญญาศาสนศาสตรมหาบัณฑิต (ศน.ม.)
ท่านเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะสงฆ์ เช่น พระอุปัชฌาย์ประเภทวิสามัญ เจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม เจ้าคณะภาค 1–2–3 (ธรรมยุติกนิกาย) ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 1–2–3 (ธรรมยุติกนิกาย) ผู้ช่วยเลขานุการแม่กองธรรมสนามหลวง และประธานกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา
พระเทพพัชราภรณ์ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์หลายครั้ง รวมถึงพระราชาคณะชั้นเทพในปี พ.ศ. 2567 โดยได้รับพระนามว่า พระเทพพัชราภรณ์ สุนทรปริยัติกิจ พิพิธภารธุราทร ยติคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
ในปี พ.ศ. 2568 ท่านได้ลาสิกขา หลังจากมีข่าวพัวพันกับหญิงสาวที่เรียกว่า “สีกากอล์ฟ” และพบว่ามีการโอนเงินจากวัดเข้าบัญชีส่วนตัวของท่านจำนวนกว่า 12.8 ล้านบาท รวมถึงหลักฐานคลิปวิดีโอในโทรศัพท์มือถือของหญิงสาวดังกล่าว
การลาสิกขาของพระเทพพัชราภรณ์สร้างความสะเทือนใจแก่พุทธศาสนิกชนและวงการสงฆ์ เนื่องจากท่านเคยเป็นพระนักธรรมและนักบริหารที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเรื่องการเงินและการใช้จ่ายที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตและยักยอกเงินวัด รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐและการฟอกเงิน
9. อดีตพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร เจ้าอาวาสวัดท่าหลวง
พระเทพวัชรสิทธิเมธี (นามเดิม วิรัช ฉายาทางธรรม วิโรจโน) เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง พระอารามหลวง และเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ท่านเกิดในปี พ.ศ. 2508 มีอายุ 60 ปี และมีอายุพรรษา 40 พรรษา
พระเทพวัชรสิทธิเมธีสำเร็จการศึกษาทางพระปริยัติธรรมและการศึกษาทางโลกหลายระดับ รวมถึงปริญญาเอกด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ท่านเคยดำรงตำแหน่งสำคัญในคณะสงฆ์ เช่น เจ้าคณะอำเภอเมืองพิจิตร รองเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร นอกจากนี้ยังเป็นผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พิจิตร ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรมในจังหวัดพิจิตร
ในด้านสมณศักดิ์ พระเทพวัชรสิทธิเมธีได้รับพระราชทานสมณศักดิ์หลายครั้ง รวมถึงพระราชาคณะชั้นเทพในปี พ.ศ. 2568 โดยได้รับพระนามว่า พระเทพวัชรสิทธิเมธี ศรีสังฆกิจวิธาน ศาสนภารธราทร มหาคณิสสรบวรสังฆาราม คามวาสี
ท่านได้ลาสิกขาเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 หลังจากมีข่าวพัวพันกับหญิงสาวที่เรียกว่า “สีกากอล์ฟ” โดยมีหลักฐานแชตสนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ที่บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์เชิงชู้สาว
การลาสิกขาของพระเทพวัชรสิทธิเมธีสร้างความสะเทือนใจแก่พุทธศาสนิกชนและวงการสงฆ์ เนื่องจากท่านเคยเป็นพระนักธรรมและนักบริหารที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างสูง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนเรื่องการเงินและการใช้จ่ายที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตและยักยอกเงินวัด รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐและการฟอกเงิน