DSI เผยผลคำพิพากษาคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายใหญ่ในนครศรีธรรมราช จำคุกสูงสุด 24 ปี ปรับ-ริบของกลาง-ชดใช้ผู้เสียหาย
วันนี้ (9 กรกฎาคม) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้เปิดเผยคำพิพากษาของศาลจังหวัดทุ่งสง กรณีคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยตรวจพบในประเทศไทย โดยมีผู้ต้องหา 70 รายถูกตัดสินจำคุกสูงสุดถึง 24 ปี พร้อมสั่งปรับ ริบของกลาง และให้ชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหาย
คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2566 DSI ได้รับข้อมูลว่ามีกลุ่มเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวไทยและชาวจีนใช้โรงแรมตึกแถว 5 คูหา 4 ชั้น จำนวน 22 ห้อง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นฐานปฏิบัติการหลอกลวงผู้เสียหายในต่างประเทศ โดยมีการใช้ภาษาจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย และไทย ในการสนทนาผ่านอุปกรณ์แปลภาษา โดยมีคนไทยทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในอาคาร
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567 DSI ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 5, ตำรวจภูธรภาค 8, สำนักงาน กสทช., สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกรมการจัดหางาน ได้เข้าตรวจค้นและจับกุมพร้อมกัน 3 จุด และขยายผลอีก 1 จุดในอำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 71 คน เป็นชาวจีน 52 คน และชาวไทย 19 คน พร้อมยึดของกลางจำนวนมาก ได้แก่ คอมพิวเตอร์ 223 เครื่อง, โทรศัพท์ 1,001 เครื่อง, ไอแพด 14 เครื่อง, ซิมการ์ด 298 ซิม, สมุดบัญชีธนาคาร 86 เล่ม และสินค้าเลี่ยงภาษีอีกจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบหนังสือเดินทางจีนที่ใช้เดินทางเข้าออกกัมพูชาบ่อยครั้ง และบางรายอยู่เกินกำหนดอนุญาตเข้าประเทศ
ต่อมา พนักงานอัยการจังหวัดทุ่งสงได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาชาวจีน 52 คน ชาวไทย 16 คน และนิติบุคคล 2 ราย รวม 70 ราย ในข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจร ฉ้อโกงประชาชน รวมถึงความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ และพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
ผลการพิพากษาศาลจังหวัดทุ่งสง
- จำเลยที่ 1-68 (ชาวจีนและชาวไทย): ศาลได้ตัดสินลงโทษจำคุกทุกราย โดยหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ถูกตัดสินจำคุกสูงสุด 24 ปี
- จำเลยที่ 69-70 (นิติบุคคล): ศาลสั่งปรับคนละ 88,000 บาท
จำเลยทั้ง 70 ราย ต้องร่วมกันคืนเงินหรือชดใช้เงินที่ยังไม่ได้คืนให้แก่ผู้เสียหายชาวญี่ปุ่น 2 ราย โดยผู้เสียหายรายที่ 1 ได้รับเงินคืน 10,670,000 เยน (ประมาณ 2,475,636.47 บาท) และผู้เสียหายรายที่ 2 ได้รับเงินคืน 450,000 เยน (ประมาณ 10,408.29 บาท) โดยศาลสั่งริบของกลางทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ในคดีนี้