ปลดล็อกเพาะพันธุ์ตัวเงินตัวทองในไทย สร้างโอกาสผลิตภัณฑ์หนังสัตว์ไทยโตยั่งยืน หนังตัวเงินตัวทองมีมูลค่าแถมราคาดีกว่าหนังวัวและหนังควาย
BTimes
อัพเดต 4 สิงหาคม 2568 เวลา 22.25 น. • เผยแพร่ 3 ชั่วโมงที่ผ่านมา • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Bizศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่าคณะกรรมการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าเพิ่มรายการตัวเงินตัวทองให้ผู้ได้รับอนุญาตสามารถเพาะพันธุ์ได้ โดยต้องซื้อพ่อแม่พันธุ์จากกรมอุทยานฯ ในราคาตัวละ 500 บาท เพื่อเปิดช่องทางให้สามารถสร้างมูลค่าเชิงพาณิชย์ได้ในอนาคต
ตัวเงินตัวทอง มีศักยภาพในด้านเศรษฐกิจได้แก่ ผลิตภัณฑ์หนัง เนื้อเพื่อการบริโภค รวมทั้งพัฒนาต่อยอดเพิ่มมูลค่าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยาและผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพ โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์หนังที่ในปี 2024 ไทยมีมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์หนังแปรรูปทุกประเภทรวมประมาณ 7,554 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าหนังตัวเงินตัวทองสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้มากกว่าหนังวัว/ควาย โดยมีราคาเฉลี่ยราว 4,200 – 14,000 บาทต่อตารางเมตร
เมื่อเปรียบเทียบราคาหนังสัตว์ (บาท/ตรม.) พบว่า อันดับ 1.จระเข้ 52,200-139,500 บาท อันดับ 2.นกกระจอกเทศ 10,400-20,900 บาท อันดับ 3.งู 7,000-17,500 บาท อันดับ 4.ตัวเงินตัวทอง 4,200-14,000 และอันดับ 5.วัว 2,700-5,500 บาท
สำหรับผลิตภัณท์ที่ทำมาจากหนังตัวเงินตัวทอง ได้แก่ ผลิตภัณฑ์หนัง ได้แก่ กระเป๋า เข็มขัด รองเท้า ผลิตภัณฑ์ยา และเนื้อเพื่อการบริโภค
นอกจากนี้ ตัวเงินตัวทอง ยังเป็นสัตว์ที่ไม่มีการปล่อยมีเทนจากการย่อยอาหาร แตกต่างจากวัว/ควาย ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้สูงถึง 1.4 – 3.4 ล้านตันต่อตัวต่อปี ซึ่งอาจจะมีส่วนช่วยให้ผลิตภัณฑ์หนังจากตัวเงินตัวทองในอนาคตมีคาร์บอนฟุตพริ้นท์ต่ำลงกว่าผลิตภัณฑ์หนังประเภทอื่นๆ