นักวิเคราะห์ชี้ บิตคอยน์-ทองคำยังเป็นขาขึ้น สวนทางหุ้นไทย แนะกระจายลงทุน

เผยแพร่ 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

คุณนิพนธ์ สุวรรณประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ สถาบันการลงทุน QIQP บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน) ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อ บิตคอยน์ และทองคำ พร้อมแนะกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงไปยังตลาดหุ้นต่างประเทศ

คุณนิพนธ์ สุวรรณประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ สถาบันการลงทุน QIQP บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน)ให้สัมภาษณ์ในรายการ WEALTH LIVE โดยได้วิเคราะห์แนวโน้มของสินทรัพย์สำคัญต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนไว้อย่างน่าสนใจ

สำหรับ บิตคอยน์ คุณนิพนธ์มองว่ายังคงอยู่ใน แนวโน้มขาขึ้น ซึ่งนักลงทุนไม่ว่าจะเป็นระยะสั้นหรือระยะยาวยังคงได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้

ล่าสุด Bitcoin ได้ทะลุแนวต้านสำคัญในรูปแบบ "Head and Shoulders" ซึ่งตามทฤษฎีทางเทคนิคบ่งชี้ถึงเป้าหมายการขึ้นในรอบนี้ที่บริเวณ 150,000 ดอลลาร์

"ใครที่ตามมาตั้งแต่ต้นเทรนด์ที่ 77,000 ดอลลาร์ ก็กำไรเกือบเท่าตัวแล้ว ก็ต้องถือต่อไป" คุณนิพนธ์กล่าว อย่างไรก็ตาม ได้เตือนนักลงทุนที่เพิ่งจะเข้ามาว่าต้องรับผิดชอบความเสี่ยงด้วยตนเอง เพราะการลงทุนมีความเสี่ยง และเป้าหมายดังกล่าวเป็นเพียงการวิเคราะห์ตามทฤษฎี ไม่ใช่การการันตี

ในส่วนของ ทองคำ ปัจจุบันอยู่ในช่วงของการ ปรับฐาน หลังจากปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรง แต่ยังคงอยู่ในภาพใหญ่ของแนวโน้มขาขึ้น โดยมีแนวรับสำคัญบริเวณ 3,000 ดอลลาร์ต้นๆ

ปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่หนุนราคาทองคำคือ การด้อยค่าของเงินเฟียส จากการที่ประเทศมหาอำนาจพิมพ์เงินออกมาจำนวนมหาศาล ซึ่งปัญหานี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขและจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนให้ทองคำปรับตัวขึ้นต่อไปได้ในระยะยาว

หุ้นไทย สวนทางตลาดโลกที่เป็นขาขึ้น

เมื่อเปรียบเทียบตลาดหุ้นทั่วโลก คุณนิพนธ์ได้ฉายภาพที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยชี้ว่าตลาดหุ้นหลักของโลก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ (Nasdaq), จีน (Hang Seng), และเวียดนาม ล้วนอยู่ในแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน

สหรัฐฯ และเวียดนาม: มีความแข็งแกร่งและมีโอกาสปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง โดยเวียดนามมีปัจจัยพื้นฐานจาก GDP ที่คาดว่าจะโต 8-9% ต่อเนื่อง
จีน (ฮั่งเส็ง): เป็นขาขึ้นเช่นกัน แต่ยังไม่แข็งแกร่งเท่าสหรัฐฯ

ในทางกลับกัน ตลาดหุ้นไทย (SET) กลับเป็นตลาดที่อ่อนแอที่สุดในภูมิภาค คุณนิพนธ์ให้คำนิยามว่าเป็น "ตลาดที่ถูกทอดทิ้ง" เนื่องจากเงินทุนไม่ได้ไหลเข้า และปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังอ่อนแอเมื่อเทียบกับประเทศอื่น (GDP ไทยโต 1-2% เทียบกับเพื่อนบ้านที่โต 5% ขึ้นไป) และแนะนำให้นักลงทุนไทย กระจายความเสี่ยง ไปยังตลาดอื่นที่มีแนวโน้มดีกว่า เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง