สวีเดนยืนยันขาย Gripen ให้กับไทย! ย้อนดูสเปกเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ต่างจากรุ่นเดิม C/D อย่างไร ?
ภายหลังจากมีกระแสข่าวปลอม (Fake News) บนโลกออนไลน์ว่าสวีเดนยกเลิกการขายเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ให้กองทัพอากาศไทย และล่าสุดสถานทูตสวีเดนยืนยันไม่มีการยกเลิกการขายเครื่องบินรุ่นดังกล่าวให้กองทัพอากาศไทย
โดยสถานฑูตสวีเดนได้เปิดเผยข้อมูลผ่านทาง Facebook ของสถานฑูต มีรายละเอียดดังนี้
"ตามที่ปรากฏข่าวที่แพร่หลายไปในขณะนี้เกี่ยวกับการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่กริปเปนโดยกองทัพอากาศไทย ขอเรียนว่ายังไม่มีการตัดสินใจใด ๆ เพื่อระงับการจำหน่ายเครื่องบินขับไล่ให้แก่ประเทศไทย
There are many rumours spreading at the moment regarding the purchase of Gripen fighter jets by the Royal Thai Air Force .There has been no decision taken to suspend further Gripen sales to Thailand."
ย้อนดูรายละเอียดแถลงการณ์ของกองทัพอากาศ
ก่อนหน้านี้ในวันที่ 4 มิถุนายน 2025 ตามแถลงการณ์ของกองทัพอากาศ ที่ระบุว่ากองทัพอากาศไทยมีแผนจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F จำนวน 12 เครื่อง แบ่งเป็น 3 ระยะ ในระยะแรกจะจัดหาจำนวน 4 เครื่อง โดยคาดว่าจะเริ่มนำเข้าประจำการได้ภายใน 4 ปีข้างหน้า เพื่อทดแทนฝูงบิน F-16 ที่ฐานทัพอากาศตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
ในขณะนั้นพลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้เปิดเผยข้อมูลว่า การคัดเลือกเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F มาจากการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ความสามารถในการปฏิบัติภารกิจที่หลากหลาย และความเข้ากันได้กับระบบเครือข่ายป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพอากาศที่มีอยู่เดิม
ปัจจุบันกองทัพอากาศไทยมีเครื่องบินขับไล่ Gripen C/D ประจำการอยู่แล้วที่กองบิน 7 จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งได้เข้ามามีส่วนสำคัญในภารกิจปกป้องน่านฟ้าไทยจากความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา
งบประมาณเครื่องบิน Gripen E/F
คาดว่างบประมาณในระยะแรกของการจัดหาเครื่องบิน 4 ลำ พร้อมอาวุธและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจะอยู่ที่ประมาณ 19,500 ล้านบาท ในขณะที่โครงการทั้งหมด 12 ลำ คาดว่าจะมีมูลค่ารวมประมาณ 60,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการผูกพันงบประมาณระยะยาวราว 10 ปี โดยการจัดซื้อจะเป็นในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (G2G) เพื่อความโปร่งใส
ความแตกต่างระหว่างเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F รุ่นใหม่ และรุ่น C/D
เครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ถือเป็นการยกเครื่องใหม่ทั้งหมดโดยต่อยอดจากรุ่น C/D แม้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกที่คล้ายคลึงกัน แต่โครงสร้างภายในได้รับการออกแบบใหม่เกือบทั้งหมด มีการขยายขนาดลำตัวและเพิ่มน้ำหนักขึ้นเพื่อรองรับระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ซับซ้อนและปริมาณเชื้อเพลิงที่มากขึ้น
และการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ General Electric F414G ที่ทรงพลังกว่าเดิม ทำให้เครื่องบินขับไล่ Gripen E/F มีพิสัยการบินไกลขึ้น บรรทุกอาวุธได้หนักขึ้น และมีอัตราการไต่ระดับที่เหนือกว่ารุ่น C/D อย่างชัดเจน
จุดเด่นสำคัญที่ทำให้เครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ก้าวสู่เครื่องบินขับไล่ยุค 4.5 เต็มตัว คือ การอัปเกรดระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์และระบบเรดาร์ โดยได้ติดตั้งเรดาร์แบบ Active Electronically Scanned Array (AESA) รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นการยกระดับกองทัพอากาศไทย
รองรับขีดความสามารถในการตรวจจับและติดตามเป้าหมายได้ไกลและแม่นยำกว่าเรดาร์แบบเดิมในรุ่น C/D อีกทั้งยังยากต่อการตรวจจับและรบกวนจากฝ่ายตรงข้าม
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (EW) และระบบสื่อสารที่ล้ำสมัย ทำให้สามารถปฏิบัติการในสภาพแวดล้อมที่มีภัยคุกคามสูงได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
อาจกล่าวได้ว่าเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F มีความสามารถในการรบและการอยู่รอดในสนามรบสูงกว่ารุ่น C/D อย่างก้าวกระโดด มันไม่ได้เป็นเพียงการอัปเกรดเล็กน้อย แต่เป็นการสร้างเครื่องบินรบสมรรถนะสูงรุ่นใหม่ที่สามารถรับมือกับภัยคุกคามในอนาคต ปกป้องน่านฟ้าไทยไปได้อีกหลายทศวรรษ
การยืนยันจากสถานทูตสวีเดนไม่เพียงแต่ช่วยสยบข่าวลือที่สร้างความสับสน แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงความก้าวหน้าของโครงการจัดหายุทโธปกรณ์ครั้งสำคัญของกองทัพอากาศไทย การตัดสินใจเลือกเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ซึ่งเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เจาะเทรนด์โซเชียล สมรภูมิเดือดหน้าจอในความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
- หมอวรงค์ เยี่ยมศูนย์พักพิงสุรินทร์ ส่งข้าวกล่องให้ทหาร–ให้กำลังใจผู้ประสบภัย
- ไทยส่งตัวทหารกัมพูชากลับประเทศ 2 นาย ปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม
- ทบ.นำทูตทหาร - สื่อต่างประเทศ ลงพื้นที่ศรีสะเกษดูจุดเกิดเหตุถูกยิงถล่ม
- ไทยเตรียมส่ง 2 ทหารกัมพูชาที่บาดเจ็บ กลับประเทศวันนี้