ปภ.ติดตามสถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากพายุ “วิภา” ใกล้ชิด น้ำยังท่วม 4 จังหวัด ภาพรวมน้ำลด "สุโขทัย" ระดับน้ำสูงขึ้น
วันนี้ (27 ก.ค. 68) เวลา 09.00 น. นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามการเคลื่อนตัวของพายุโซนร้อน “วิภา” อย่างใกล้ชิด โดยจากพายุ "วิภา" ได้เคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศลาวตอนบนและภาคเหนือตอนบน ส่งผลให้มีหลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม
โดยระหว่างวันที่ 21 ก.ค. 68 – ปัจจุบัน (วันที่ 27 ก.ค. 68) มีสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ 9 จังหวัด (น่าน เชียงราย พะเยา ลำปาง เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน แพร่ สุโขทัย และเลย) รวม 55 อำเภอ 263 ตำบล 1,416 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 33,899 ครัวเรือน 115,855 คน มีผู้สูญหาย 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบัน (27 ก.ค. 68 เวลา 06.00 น.) ยังคงมีสถานการณ์ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ น่าน เชียงราย แพร่ และสุโขทัย 23 อำเภอ 108 ตำบล 450 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23,790 ครัวเรือน 76,868 คน โดยระดับน้ำในภาพรวมลดลง มีเพียงจังหวัดสุโขทัยที่มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น
“ปัจจุบัน สถานการณ์อุทกภัยและดินถล่มจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ในหลายพื้นที่ได้เริ่มคลี่คลายลง และเข้าสู่ระยะการพื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่สภาพเดิม เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วที่สุด ขอให้จังหวัดบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าทำการฉีดล้างและทำความสะอาดบ้านเรือนประชาชน ถนนหนทาง ตลอดจนพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ ให้กลับสู่สภาพเดิมก่อนเกิดสถานการณ์โดยเร็ว จัดทีมช่างเข้าซ่อมแซมบ้านเรือนประชาชน สิ่งสาธารณูปโภคพื้นฐาน ระบบไฟฟ้า ประปา และการสื่อสาร ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ
รวมทั้งประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เร่งสำรวจความเสียหาย จัดทำบัญชีความเสียหายทุกด้านเพื่อให้ความช่วยเหลือตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว สำหรับพื้นที่ที่ยังคงมีสถานการณ์ ให้จังหวัดดำเนินการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง ประสานหน่วยงานที่เข้ามาให้การช่วยเหลือ ทั้งหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ตลอดจนมูลนิธิ อย่างใกล้ชิดและแบ่งพื้นที่การทำงานอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ทั่วถึง และครอบคลุม
ส่วนจังหวัดที่ยังมีสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังขอให้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วพร้อมออกปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนทันทีที่ได้รับการประสานจากประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” นายสหรัฐ รองอธิบดี ปภ. กล่าว
นายสหรัฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้สถานการณ์โดยภาพรวมมีแนวโน้มดีขึ้น แต่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เรายังคงติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเขตพื้นที่จังหวัดท้ายน้ำ ได้แก่ แพร่ สุโขทัย พิษณุโลก และจังหวัดพิจิตร ที่อาจได้รับผลพวงจากสถานการณ์อุทกภัยในเขตพื้นที่ต้นน้ำในช่วงวันที่ 27 – 29 กรกฎาคม 2568 และพื้นที่ในลุ่มน้ำโขงที่ยังคงต้องเฝ้าระวังระดับน้ำโขงล้นตลิ่งอย่างใกล้ชิด
โดยขอให้จังหวัดที่มีความเสี่ยงเกิดอุทกภัยเหล่านี้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิดเพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังและเตรียมพร้อมอพยพสิ่งของขึ้นที่สูง โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำ หากสถานการณ์ในพื้นที่มีความเสี่ยงอันตราย ให้จังหวัดประสานกับศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติเพื่อแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยด้วย Cell Broadcast ทันที
นอกจากนี้ ขอให้เตรียมพร้อมอพยพประชาชนไปยังพื้นที่ปลอดภัยหากมีการแนวโน้มที่สถานการณ์จะรุนแรง ในส่วนของศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ให้ตรวจสอบและเตรียมพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมออกปฏิบัติงานในกรณีที่เกิดอุทกภัยในพื้นที่รับผิดชอบ และเตรียมการทำงานรองรับกรณีได้รับมอบหมายภารกิจในพื้นที่อื่นเพิ่มเติม
สามารถติดตามสถานการณ์น้ำ ปริมาณฝนสะสม พยากรณ์อากาศ และประกาศแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยได้ทางแอปพลิเคชัน Thai Disaster Alert (TDA) และติดตามข้อมูลข่าวสารสาธารณภัย ความคืบหน้าสถานการณ์และการให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews และหากประชาชนพบเห็นหรือได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือได้ทาง Line Official Account “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อนผ่าน Line ID @1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานการให้ความช่วยเหลือต่อไป