อิสราเอลประกาศหยุดรบในฉนวนกาซา ท่ามกลางวิกฤตความหิวโหยที่ทวีความรุนแรงขึ้น
อิสราเอลประกาศหยุดสู้รบเชิงยุทธวิธีในพื้นที่บางส่วนของฉนวนกาซา และระบุว่าจะอนุญาตให้สหประชาชาติและหน่วยงานบรรเทาทุกข์เปิดเส้นทางบกที่ปลอดภัยเพื่อรับมือกับวิกฤตความหิวโหยที่ทวีความรุนแรงขึ้น
รถบรรทุกความช่วยเหลือในฝั่งอียิปต์ของด่านราฟาห์ที่ติดกับฉนวนกาซา เตรียมพร้อมเข้าสู่ดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกปิดล้อมเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม (Photo by AFPTV STRINGER / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม 2568 กล่าวว่า กองทัพอิสราเอลประกาศ "หยุดการสู้รบเชิงยุทธวิธี" ในพื้นที่บางส่วนของฉนวนกาซา เพื่อรับมือกับวิกฤตความหิวโหยที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยระบุว่าจะอนุญาตให้ขบวนความช่วยเหลือของสหประชาชาติและหน่วยงานบรรเทาทุกข์เดินทางอย่างปลอดภัยเข้าสู่พื้นที่
กองทัพฯเสริมว่าได้เริ่มส่งอาหารผ่านทางอากาศเข้าไปในดินแดนดังกล่าวบ้างแล้ว และปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าพวกตนกำลังใช้ความอดอยากเป็นอาวุธต่อสู้กับพลเรือนชาวปาเลสไตน์
ในแถลงการณ์ กองทัพฯกล่าวว่าได้ประสานงานการตัดสินใจกับสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศเพื่อเพิ่มขอบเขตของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่เข้าสู่ฉนวนกาซา
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการตอบสนองอย่างเป็นทางการจากสหประชาชาติหรือหน่วยงานช่วยเหลือเอกชนที่ปฏิบัติงานในฉนวนกาซา และแหล่งข่าวด้านมนุษยธรรมยังคงกังขาท่าทีของอิสราเอลจนกว่าจะมีความเคลื่อนไหวในทางปฏิบัติจริง
การหยุดการสู้รบจะจำกัดเฉพาะในพื้นที่ที่กองทัพกล่าวว่ากองกำลังอิสราเอลไม่ได้ปฏิบัติการอยู่ในขณะนี้ ได้แก่ อัล-มาวาซี, เดียร์ อัล-บาลาห์, และกาซาซิตี ตั้งแต่เวลา 10.00 น. จนถึง 20.00 น. ของทุกวัน
อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ของอิสราเอลยังระบุเพิ่มเติมว่า "เส้นทางปลอดภัยที่กำหนดไว้" ได้ถูกเปิดขึ้นทั่วฉนวนกาซา เพื่อให้ขบวนรถของสหประชาชาติและองค์กรช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสามารถเดินทางผ่านและแจกจ่ายอาหารและยาได้อย่างปลอดภัย
กองทัพอิสราเอลกล่าวว่าปฏิบัติการเหล่านี้ ควบคู่ไปกับการรณรงค์ต่อต้านกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์อย่างต่อเนื่อง น่าจะหักล้างข้ออ้างอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความอดอยากโดยเจตนาในฉนวนกาซา
อิสราเอลได้ปิดล้อมกาซาทั้งหมดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม หลังจากการเจรจาหยุดยิงล้มเหลว และในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม อิสราเอลเริ่มอนุญาตให้มีการให้ความช่วยเหลือเล็กน้อย ท่ามกลางคำเตือนถึงคลื่นความอดอยากของผู้คน
ก่อนที่อิสราเอลจะประกาศการส่งมอบอาหารทางอากาศจำนวน 7 พาเลท สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ประกาศว่าจะเริ่มการแจกจ่ายความช่วยเหลืออีกครั้ง และสหราชอาณาจักรกล่าวว่าจะร่วมมือกับพันธมิตร รวมถึงจอร์แดน เพื่อช่วยเหลือพวกเขา
เฉพาะวันเสาร์เพียงวันเดียว หน่วยงานป้องกันภัยพลเรือนของปาเลสไตน์ระบุว่ามีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอีกกว่า 50 รายจากการโจมตีและการยิงของอิสราเอล โดยบางคนเสียชีวิตขณะรออยู่ใกล้ศูนย์กระจายความช่วยเหลือ
ในวันเสาร์ กองกำลังอิสราเอลได้ขึ้นไปบนเรือที่บรรทุกนักเคลื่อนไหวจากกลุ่มพันธมิตรกองเรือเสรีภาพ (Freedom Flotilla Coalition) ขณะที่เรือลำดังกล่าวพยายามเข้าใกล้กาซาจากเส้นทางทะเลเพื่อท้าทายการปิดล้อมของอิสราเอล
สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในดินแดนปาเลสไตน์ทรุดหนักลงอย่างมากในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยองค์กรพัฒนาเอกชนกว่า 100 แห่งได้ออกมาเตือนในสัปดาห์นี้ว่าความอดอยากครั้งใหญ่กำลังแพร่กระจายอยู่ในกาซา
กองทัพอิสราเอลประกาศผ่านเทเลแกรมว่า ได้ดำเนินการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทางอากาศ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องในการอนุญาตและอำนวยความสะดวกในการส่งความช่วยเหลือเข้าสู่ฉนวนกาซา
ผู้นำด้านมนุษยธรรมมีความกังขาอย่างยิ่งว่าการทิ้งเสบียงทางอากาศจะสามารถส่งอาหารได้อย่างปลอดภัยเพียงพอที่จะรับมือกับวิกฤตความอดอยากที่ทวีความรุนแรงขึ้นได้จริงหรือ
แต่นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษสนับสนุนแนวคิดนี้ โดยให้คำมั่นว่าจะร่วมมือกับจอร์แดนเพื่อเริ่มการส่งเสบียงทางอากาศอีกครั้ง ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แสดงความพร้อมในการดำเนินการทันที
รัฐบาลตะวันตกและอาหรับหลายแห่งได้ดำเนินการทิ้งเสบียงทางอากาศในฉนวนกาซาในปี 2024 ซึ่งในขณะนั้นการส่งความช่วยเหลือทางบกก็เผชิญกับข้อจำกัดของอิสราเอลเช่นกัน แต่หลายคนในแวดวงมนุษยธรรมมองว่าการส่งทางอากาศนั้นไม่ได้ผล
"การทิ้งเสบียงทางอากาศจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาความอดอยากที่ทวีความรุนแรงขึ้นได้" ฟิลิปป์ ลาซซารินี หัวหน้าหน่วยงานสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ (UNRWA) กล่าว และเสริมว่า "การทิ้งเสบียงทางอากาศมีค่าใช้จ่ายสูง, ไม่มีประสิทธิภาพ และอาจถึงขั้นสังหารพลเรือนที่อดอยากได้"
กองทัพอิสราเอลยืนยันว่าไม่ได้จำกัดจำนวนรถบรรทุกที่เข้าไปในฉนวนกาซา และกล่าวหาว่าหน่วยงานสหประชาชาติและกลุ่มบรรเทาทุกข์ไม่ได้เข้าไปให้ความช่วยเหลือจริงเมื่อเข้าไปในฉนวนกาซาแล้ว
แต่องค์กรด้านมนุษยธรรมกล่าวหาว่ากองทัพใช้มาตรการจำกัดที่กดดันเกินไป ขณะเดียวกันก็ควบคุมการเข้าถึงถนนภายในฉนวนกาซาอย่างเข้มงวด
แม้ขณะนี้มีปฏิบัติการช่วยเหลือแยกต่างหากผ่านมูลนิธิมนุษยธรรมกาซา (GAZA Humanitarian Foundation) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิสราเอลและสหรัฐฯ แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากนานาชาติ หลังจากอิสราเอลเลือกโจมตีสังหารชาวปาเลสไตน์หลายร้อยคนใกล้จุดแจกจ่ายของมูลนิธิพวกเขาเอง.