โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

รมว.กต. แถลงผลการชี้แจงต่อนานาชาติบนเวที UN ยืนยัน กัมพูชาโจมตีไทยก่อน ย้ำไทยพร้อมใช้สันติวิธี

THE STANDARD

อัพเดต 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 10 ชั่วโมงที่ผ่านมา • thestandard.co
รมว.กต. แถลงผลการชี้แจงต่อนานาชาติบนเวที UN ยืนยัน กัมพูชาโจมตีไทยก่อน ย้ำไทยพร้อมใช้สันติวิธี

มาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา วันนี้ (26 กรกฎาคม) หลังจากเสร็จสิ้นการเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ High-Level Political Forum (HLPF) ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยในห้วงการประชุมดังกล่าว มาริษได้มีโอกาสหารือกับผู้แทนระดับสูงจาก UN และประเทศต่างๆ อย่างกว้างขวาง โดยจะแถลงถึงผลการเยือน เพื่อให้ทุกท่านได้รับทราบ ดังนี้

ประเด็นแรก: พัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

ตลอดเวลาที่ปฏิบัติภารกิจที่สหประชาชาติ มาริษได้ติดตามสถานการณ์และเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ที่เริ่มเปิดฉากโจมตีก่อน ซึ่งได้โจมตีสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ ในหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่าตั้งใจจะโจมตีพื้นที่พลเรือน ส่งผลให้มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในผู้เสียชีวิตคือ เด็กอายุเพียง 8 ขวบ

มาริษเชื่อว่า ไม่มีประเทศไหนยอมรับการกระทำเหล่านี้ได้ ซึ่งกัมพูชาเองก็เป็นประเทศที่ย้ำมาตลอดว่า เป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบของประชาคมระหว่างประเทศ แต่กลับกระทำการที่ละเมิดหลักการพื้นฐานอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะการโจมตีโดยไม่เลือกเป้าหมาย

มาริษย้ำว่า การกระทำเหล่านี้ไม่เพียงแต่ละเมิดอธิปไตยของไทย แต่ยังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตร UN และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง อีกทั้งยังเป็นการละเมิดศีลธรรมขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ที่ควรได้รับการประณามอย่างเต็มที่จากประชาคมระหว่างประเทศ

ทันทีที่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ ก่อนหน้านี้กระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ไปแล้ว โดย (1) ประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการรุกรานของกัมพูชา (2) ประกาศลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตและเรียก ออท. ณ กรุงพนมเปญ กลับไทย และขอให้ ออท.กพช. กลับ ปท. เช่นกัน และ (3) เรียกร้องให้กัมพูชาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยุติการโจมตีเป้าหมายทางทหารและพลเรือน รวมถึงยุติการละเมิดอธิปไตยของไทยโดยทันที โดยมาริษได้แสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อประชาชนและเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต

นอกจากนี้ เมื่อคำนึงถึงกรณีการวางทุ่นระเบิดใหม่ของกัมพูชาในดินแดนของอธิปไตยของไทย ซึ่งเรามีหลักฐานชัดเจน และหน่วยงานความมั่นคงได้มีการพิสูจน์ทราบอย่างชัดเจนแล้ว และทำให้ทหารไทย 2 นายบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาถาวร มาริษกล่าวว่า เขาเสียใจอย่างมากกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกแล้วในปัจจุบัน และขอชื่นชมในความกล้าหาญของทหารทุกท่านที่เสียสละเพื่อชาติและรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของไทย

ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ดำเนินการทุกอย่างด้วยความจริงใจและความสุจริตใจ (In Good Faith) ในการแก้ไขปัญหาเขตแดนกับกัมพูชามาตลอด แต่เมื่อฝ่ายกัมพูชาเลือกที่จะละเมิดอธิปไตยของไทยและกฎหมายระหว่างประเทศซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในฐานะ รมว.กต. มาริษจึงจำเป็นต้องเดินทางไปชี้แจงกับประชาคมระหว่างประเทศด้วยตนเองและโดยเร็วที่สุด

ประเด็นที่สอง: การชี้แจงต่อประชาคมระหว่างประเทศ

นอกเหนือจากการเข้าร่วมการประชุมเวทีหารือทางการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ HLPF การไป UN ครั้งนี้เป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน
ไทย-กัมพูชาต่อนานาประเทศ

มาริษได้กล่าวถ้อยแถลงในช่วงการอภิปรายแบบเปิดในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC รวมทั้งพบหารือกับผู้แทนระดับสูงของประเทศและองค์การ รปท. ต่าง ๆ เช่น (1) เลขาธิการ UN (2) รนรม./รมว.กต. ปากีสถาน (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธาน UNSC) (3) รมว. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ปานามา ซึ่งจะทำหน้าที่ประธาน UNSC วาระถัดไป (4) รมช.กต. ญี่ปุ่น ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการประจำอนุสัญญาออตตาวา และ (5) ผู้แทนประธานาธิบดีรัสเซีย ในฐานะประเทศที่เป็นสมาชิกถาวรของ UNSC

ในการพบหารือกับบุคคลสำคัญเหล่านี้ มาริษได้ชี้แจง (1) ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นว่า ‘กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดอธิปไตยของไทยก่อน’ (2) ย้ำท่าทีไทยที่จะแก้ไขปัญหาเขตแดนกับฝ่ายกัมพูชาอย่างสันติและด้วยความสุจริตใจ (In Good Faith) ผ่านกลไกทวิภาคีมีอยู่ และ (3) การละเมิดอนุสัญญาออตตาวาของกัมพูชา ต่อกรณีการวางทุ่นระเบิดใหม่ในเขตอธิปไตยของไทย และการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศต่างๆ ของกัมพูชา

ต่อกรณีที่ฝ่ายกัมพูชายื่นหนังสือถึงประธาน UNSC นั้น เชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้เข้าพบ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรปากีสถาน ณ นครนิวยอร์ก ในฐานะประธาน UNSC ประจำเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อยื่นหนังสือชี้แจงเหตุการณ์การใช้กำลังทางทหารที่เริ่มโดยฝ่ายกัมพูชา การละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง รวมถึงขอให้เวียนหนังสือดังกล่าวของไทยเป็นเอกสารของ UNSC เพื่อให้ประเทศสมาชิก UNSC ได้รับทราบอย่างเป็นทางการ

ทั้งนี้ เมื่อคืนนี้ (25 กรกฎาคม) เวลา 15.00 น. เวลาท้องถิ่นของนครนิวยอร์ก (ประมาณ 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย) UNSC ได้จัดการประชุมแบบปิดเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี 15 ประเทศสมาชิก UNSC รวมถึงไทยและกัมพูชาเข้าร่วม

มาริษได้รับรายงานจากท่านทูตเชิดชายว่า ในที่ประชุมเมื่อวานนี้ ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชา รวมทั้งสมาชิกประเทศ UNSC ทุกประเทศได้ร่วมกล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม

โดยสรุป ฝ่ายไทยได้ย้ำจุดยืนว่า กัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน โดยได้โจมตีสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหารอย่างต่อเนื่อง ลึกเข้ามาในเขตแดนไทยมาก ส่งผลให้มีพลเรือนไทยเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและหลักการมนุษยธรรมอย่างร้ายแรง ตามที่ทุกท่านได้เห็นในถ้อยแถลงฉบับเต็มที่ได้เผยแพร่ให้สาธารณชนรับทราบแล้ว

นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของประเทศสมาชิก UNSC ที่เข้าร่วมประชุม ไม่ได้เน้นประเด็นใดเป็นพิเศษ เพียงแต่กล่าวถึงหลักการกว้างๆ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันว่า

(1) เรียกร้องให้กัมพูชาและไทยใช้การยับยั้งชั่งใจ ลดความตึงเครียด หยุดยิง และแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี ซึ่งรวมถึงการใช้การทูตและการเจรจาทวิภาคีบนพื้นฐานของหลักการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี (2) สนับสนุนบทบาทของอาเซียนในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง ตามหลักการของกฎบัตรอาเซียน และ (3) ย้ำว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ มาริษขอย้ำว่า ที่ประชุม UNSC ไม่ได้มีมติหรือการออกเอกสารใด ๆ

สำหรับกรณีประธานอาเซียนนั้น มาริษขอขอบคุณ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะ ประธานอาเซียน 2025 สำหรับบทบาทและข้อเสนอหยุดยิง (ที่ไทยเห็นด้วยอย่างยิ่งในหลักการ โดยกัมพูชาจะต้องหยุดโจมตีและแสดงความจริงใจ) ไทยให้ความสำคัญกับประธานอาเซียน และพร้อมที่จะหารือกับมาเลเซียอย่างต่อเนื่องและสร้างสรรค์เพื่อหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าวต่อไป

อีกเรื่องที่มาริษได้กล่าวถึงคือกรณีข่าวปลอมที่กัมพูชาออกแถลงการณ์กล่าวหาว่า กองทัพไทยได้รุกรานและสร้างความเสียหายให้ตัวปราสาทพระวิหาร มาริษขอเรียนข้อเท็จจริงอีกครั้งว่า เรื่องนี้เป็นการกล่าวหาซึ่ง ‘ไร้หลักฐาน’ และ ‘ไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง’ โดยการปะทะกันระหว่างกองกำลังไทยกับกัมพูชา

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ซึ่งฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน บริเวณห้วยตามะเรีย และภูมะเขือนั้น พื้นที่ดังกล่าวอยู่ห่างจากตัวปราสาทพระวิหารถึง 2 กิโลเมตร จึง ‘เป็นไปไม่ได้’ ที่จะมีกระสุนหรือสะเก็ดระเบิดที่มีวิถีไกลไปถึงตัวปราสาทพระวิหาร โดยทั้งหมดนี้ฝ่ายไทยได้ชี้แจงไปแล้วโดยหนังสืออย่างเป็นทางการ

ส่วนกรณีที่กัมพูชากระทำการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศจะยื่นเรื่องถึงอนุสัญญาเจนีวาด้วยหรือไม่นั้น มาริษยืนยันว่า แน่นอน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะออกหนังสือประท้วง เพื่อประณามอย่างรุนแรง พร้อมให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย และกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ พิจารณายื่นหนังสือประท้วงทุกช่องทางตามที่สามารถยื่นได้ ทั้งคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC และคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ

ส่วนกรณีที่กัมพูชาโจมตีเป้าหมายพลเรือนไทย ฝ่ายไทยจะมีการยื่นเรื่องถึงศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ข้อหาอาชญากรรมสงครามระหว่างประเทศด้วยหรือไม่นั้น มาริษชี้แจงว่า ตนเองได้สั่งการให้กรมสนธิสัญญาและกฎหมายฯ พิจารณาเรื่องนี้ก่อนเป็นลำดับแรก เพราะการจะไปถึงจุดนั้น มีรายละเอียดอีกมาก และจะดำเนินการทุกช่องทางที่ไทยสามารถทำได้ ซึ่งฝ่ายไทยได้พูดคุยกันตลอดเวลาเพราะ ICC มีกรอบและขั้นตอนในรายละเอียดที่กำลังพิจารณา แต่เรื่องการใช้ทุ่นระเบิดนั้น ไทยได้ยื่นเรื่องถึงรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาแล้ว

โดยมาริษเน้นย้ำว่า ประเทศไทยขอยืนยันเจตนารมณ์ในการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธีบนพื้นฐานของหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมร่วมมือกับประชาคมระหว่างประเทศในการธำรงสันติภาพและเสถียรภาพ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชายุติการกระทำที่เป็นการละเมิดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ และกลับเข้าสู่กระบวนการเจรจาอย่างจริงใจและสุจริตใจ

สุดท้ายนี้ ขอร่วมส่งกำลังใจให้แก่พี่น้องประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่ทุกท่านที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ครับ ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศจะทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มความสามารถเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน ศักดิ์ศรีและสถานะของไทยในเวทีระหว่างประเทศ และยึดถือผลประโยชน์และความปลอดภัยของคนไทยไว้เหนือสิ่งอื่นใดอย่างที่เคยทำมาตลอดตั้งแต่อดีตจนถึงนาทีนี้

ภาพ: Getty Images

อ้างอิง:

  • กระทรวงการต่างประเทศ
ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE STANDARD

เมื่อหุ้นกู้แปลงสภาพกลายเป็นกับดักมรณะ: เกมกู้ซื้อคริปโตที่อาจลากตลาดหุ้น-คริปโตพังทั้งระบบ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กทม. ส่งรถสุขาพร้อมสิ่งของจำเป็นชุดแรกไปยังศูนย์อพยพสุรินทร์ ด้านชัชชาติชวนบริจาคสิ่งของต่อเนื่อง

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กสทช.-เหล่าทัพ-สื่อมวลชน ร่วมหารือแนวทางการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เน้นย้ำสื่อสารถูกต้อง ลดความตึงเครียด

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ปภ.เผยกรมบัญชีกลาง อนุมัติขยายวงเงินทดรองราชการฯ 100 ล้านบาท เพิ่มอีก 3 จังหวัด เพื่อช่วยเหลือประชาชนชายแดน

5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

‘ทรัมป์’ ยกหูคุย ‘ไทย-กัมพูชา’ ขอให้มีการหยุดยิง และยุติสงคราม

เดลินิวส์

สิ้น ‘วีรชนตาควาย’! ทหารกล้าพลีชีพ ครอบครัวสุดเศร้า” พ่อเผยลูกใฝ่ฝันรับใช้ชาติตั้งแต่เด็ก

เดลินิวส์

ลุกลาม! เขมรยิงจรวด BM-21 ตกไกลถึง อ.ละหานทราย บุรีรัมย์ เร่งอพยพเด็กคนแก่ผู้ป่วยโกลาหล

Manager Online

พล.ท.หญิง มาลี กลาโหมกัมพูชา แถลงซัดไทยโกหก กล่าวหาตั้งใจยิงกระสุนตกฝั่งลาว

Khaosod

พี่ฮง ประณามเขมร โจมตีไร้มนุษยธรรม อัดคลิปถึงบ้านเกิด ขอเป็นอีกเสียง ส่งต่อข้อมูลที่ถูกต้อง

Khaosod
วิดีโอ

รวบหนึ่งในแก๊งขนยานรกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้าไทย มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท

สวพ.FM91

“กอบศักดิ์” ประเมินส่งออก-เกษตรไปต่อได้ หากไทยโดนภาษีทรัมป์ 25%

สำนักข่าวไทย Online

AI ยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย-จีน

สำนักข่าวไทย Online

ข่าวและบทความยอดนิยม

ไทยพาณิชย์ ออกมาตรการเร่งด่วน ช่วยเหลือลูกค้าผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชาและอุทกภัยภาคเหนือ

THE STANDARD

ประเสริฐสั่งสแตนด์บาย 24 ชั่วโมง รับมือแฮ็กเกอร์กัมพูชาโจมตีเว็บไทย หากพบสั่งดีอีนำข่าวปลอมลง-ปิดกั้นทันที พร้อมเร่งสื่อสารประชาชน

THE STANDARD

กองทัพภาค 2 เตือนประชาชนระวังภัยขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. ยืนยันพร้อมตั้งรับ ขออย่าตื่นตระหนก

THE STANDARD
ดูเพิ่ม
Loading...