อังกฤษรับมือกระแสต้านวัคซีน หลังมีรายงานเด็กเสียชีวิตจาก ‘โรคหัด’
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ว่า เมื่อวันที่ 14 ก.ค. นายเวส สตรีตติง รมว.สาธารณสุขสหราชอาณาจักร ยืนยันการเสียชีวิตของเด็กคนหนึ่งจาก “โรคหัด”
แม้ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ เดอะ ซันเดย์ ไทม์ส และลิเวอร์พูลเอคโค รายงานตรงกันว่า เด็กคนดังกล่าวล้มป่วยด้วยโรคหัด พร้อมกับปัญหาสุขภาพร้ายแรงอื่น ๆ และได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอัลเดอร์เฮย์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงลอนดอน
ขณะเดียวกัน กลุ่มต่อต้านวัคซีนต่างโพสต์คำกล่าวอ้างผิด ๆ เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเด็กคนนี้ รวมถึง “เอลลี เกรย์” อินฟลูเอนเซอร์ชาวอังกฤษที่มีผู้ติดตามบนอินสตาแกรมมากกว่า 200,000 คน ซึ่งโพสต์วิดีโอที่ระบุว่า “เด็กคนนี้ไม่ได้เสียชีวิตจากโรคหัด” และโรคดังกล่าว ไม่ใช่โรคร้ายแรง พร้อมวิจารณ์โรงพยาบาลว่า “กดดัน” และ “บงการ” ให้พ่อแม่ของเด็กรับวัคซีนโรคหัด คางทูม และหัดเยอรมัน (เอ็มเอ็มอาร์)
ด้านโรงพยาบาลอัลเดอร์เฮย์เปิดเผยว่า พวกเขาได้รักษาเด็กที่ป่วยด้วยโรคหัดไปแล้ว 17 คน นับตั้งแต่เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา
วิดีโอของ นพ.แอนดริว แมคอาร์เดิล ที่ปรึกษาด้านโรคติดเชื้อในเด็ก ที่ถูกโพสต์บนเว็บไซต์ อ้างความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับโรคหัด รวมถึงวัคซีนเอ็มเอ็มอาร์ว่า “ก่อให้เกิดโรคออทิซึม” ซึ่งอ้างอิงการศึกษาเมื่อปี 2541 ของ นพ.แอนดริว เวคฟิลด์ ที่ในภายหลังได้ถูกปัดตก ทั้งนี้ทั้งนั้น ทฤษฎีดังกล่าว ได้จุดชนวนกระแสต่อต้านวัคซีนในประเทศ
ในเมืองลิเวอร์พูล อัตราการรับวัคซีนทั้ง 2 โด๊ส อยู่ที่ประมาณ 74% และในบางพื้นที่ต่ำกว่า 50% ขณะที่อัตรารับวัคซีนโดยรวมของประเทศอยู่ที่ 84%
อนึ่ง หลังมีการเผยแพร่คำกล่าวของ นพ.แอนดริว เวคฟิลด์ แพทย์ชาวสหราชอาณาจักรอีกคนหนึ่ง เมื่อปี 2541 ที่ระบุว่า “วัคซีนเอ็มเอ็มอาร์ก่อให้เกิดโรคออทิซึม” จำนวนผู้ป่วยโรคหัดที่ได้รับการยืนยัน เพิ่มขึ้นสูงกว่า 2,000 คน ในอังกฤษและเวลส์ เมื่อปี 2555 ก่อนลดลง แต่จำนวนผู้ป่วยกลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เมื่อปีที่แล้ว.
เครดิตภาพ : AFP