กะปิ เครื่องปรุงคู่ครัวไทย สรรพคุณมากคุณค่าที่คุณอาจไม่เคยรู้
กะปิ คือเครื่องปรุงรสคู่ครัวไทยที่ขาดไม่ได้ในอาหารหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิ ข้าวคลุกกะปิ หรือแกงต่างๆ กะปิทำจากกุ้งตัวเล็กๆ หรือเคย นำมาหมักกับเกลือจนได้ที่ แม้จะมีกลิ่นเฉพาะตัวที่โดดเด่น แต่เบื้องหลังความอร่อยนี้ กะปิยังอุดมไปด้วยสารอาหารและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายที่คุณอาจคาดไม่ถึง
กะปิคืออะไร?
กะปิคือผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำสัตว์ทะเลตัวเล็กๆ จำพวก เคย หรือ กุ้งขนาดเล็ก (กุ้งฝอย) มาหมักกับเกลือในอัตราส่วนที่เหมาะสม ทิ้งไว้ระยะหนึ่งจนเกิดการย่อยสลายและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สีของกะปิจะแตกต่างกันไปตามชนิดของเคยหรือกุ้งที่นำมาทำ รวมถึงกระบวนการหมัก
วัตถุดิบหลักของกะปิ "เคย" และ "กุ้งฝอย"
โดยหลักแล้ว กะปิทำมาจากสัตว์ทะเลตัวเล็กๆ ที่เรียกว่า "เคย" (Krill) ซึ่งเป็นสัตว์จำพวกครัสเตเชียน (Crustacean) มีลักษณะคล้ายกุ้งขนาดเล็กมากๆ มีสีชมพูอ่อนๆ อาศัยอยู่ในทะเลเป็นฝูงใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย นอกจากเคยแล้ว บางสูตรก็อาจใช้ "กุ้งฝอย" ซึ่งเป็นกุ้งน้ำจืดตัวเล็กๆ มาทำกะปิได้เช่นกัน
กะปิแท้และเป็นที่นิยมส่วนใหญ่จะทำมาจาก"เคยแท้ 100%" เนื่องจากเคยให้รสชาติที่กลมกล่อม เค็มกำลังดี และมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวมากกว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเคยแท้เริ่มหายากขึ้นในปัจจุบัน ผู้ผลิตบางรายจึงอาจนำ กุ้งเคย (ซึ่งเป็นกุ้งตัวเล็กอีกชนิดหนึ่งที่คล้ายเคยมาก) หรือแม้กระทั่ง เนื้อปลา มาผสมเพื่อทดแทน หรือใช้ทำกะปิในบางท้องถิ่น
คุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ของกะปิ
ถึงแม้กะปิจะเป็นเครื่องปรุงรสที่ใช้ในปริมาณไม่มากนักต่อมื้อ แต่ก็มีประโยชน์และสารอาหารที่น่าสนใจซ่อนอยู่:
- แหล่งแคลเซียมสูง: กะปิเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดีเยี่ยม ซึ่งจำเป็นต่อการสร้างและบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะในผู้หญิงและผู้สูงอายุ
- โปรตีน: เนื่องจากทำจากสัตว์ทะเล กะปิจึงมีโปรตีนซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญที่ช่วยในการเจริญเติบโต ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย และสร้างภูมิคุ้มกัน
- ไอโอดีน: การที่กะปิเป็นผลิตภัณฑ์จากทะเล ทำให้มี ไอโอดีน ซึ่งเป็นแร่ธาตุสำคัญที่จำเป็นต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ ช่วยป้องกันโรคคอพอก และส่งเสริมพัฒนาการทางสมอง โดยเฉพาะในเด็กและสตรีมีครรภ์
- โซเดียม: กะปิมีปริมาณโซเดียมสูง เนื่องจากเป็นส่วนผสมหลักในการหมักเกลือ โซเดียมมีบทบาทในการรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายและการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตาม ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการได้รับโซเดียมมากเกินไป
- แอสตาแซนธิน (Astaxanthin): พบในกุ้งและเคยที่นำมาทำกะปิ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ชะลอความเสื่อมของร่างกาย และอาจมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณ
- สร้างจุลินทรีย์ดีในลำไส้ (Probiotic-like effect): กระบวนการหมักของกะปิทำให้เกิดจุลินทรีย์บางชนิด ซึ่งอาจมีส่วนช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ และส่งเสริมสุขภาพของระบบทางเดินอาหาร
- เพิ่มรสชาติอาหาร: นอกเหนือจากคุณประโยชน์ทางโภชนาการแล้ว ประโยชน์หลักของกะปิคือการเพิ่มรสชาติ "อูมามิ" (Umami) หรือรสชาติกลมกล่อมให้กับอาหาร ทำให้เมนูต่างๆ มีความอร่อยและมิติมากขึ้น
ข้อควรระวังในการบริโภคกะปิ
แม้กะปิจะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการ:
- ปริมาณโซเดียมสูง: ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง หรือต้องควบคุมปริมาณโซเดียม ควรบริโภคกะปิในปริมาณที่พอเหมาะ หรือเลือกกะปิที่มีปริมาณเกลือต่ำ
- การปนเปื้อน: ควรเลือกซื้อกะปิจากแหล่งที่เชื่อถือได้ มีมาตรฐานการผลิตที่ดี เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนจากสิ่งแปลกปลอม หรือสารเคมี
- อาการแพ้: ผู้ที่มีอาการแพ้สัตว์ทะเล โดยเฉพาะกุ้งหรือเคย ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคกะปิ
กะปิเป็นมากกว่าแค่เครื่องปรุงรสคู่ครัวไทย แต่ยังเป็นแหล่งของสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น แคลเซียม โปรตีน และไอโอดีน ซึ่งล้วนมีความสำคัญต่อสุขภาพ การรู้จักคุณค่าและบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้เราได้รับประโยชน์จากกะปิอย่างเต็มที่ พร้อมกับได้ลิ้มรสความอร่อยของอาหารไทยได้อย่างไม่ลดละ
อ่านเพิ่ม