อังเคิลบ้าจี้ผวาเสียดินแดนให้สนธิ
“ฮุน เซน” บ้าจี้! ผวาเสียดินแดนให้ "สนธิ" เรียกร้องความสามัคคีของชาวกัมพูชา สั่งเสริมกำลังป้องกันประเทศ "ภูมิธรรม" แจงไทยไม่เคยขอเปิดด่าน เหตุที่ผ่านมาไม่เคยปิด แค่กำหนดเวลา-ควบคุมสินค้า ขณะที่ ศบ.ทก.แจงหนังสือ กกล.บูรพาขอเปิดด่านระบายสินค้าเป็นการประสานภายใน ข้องใจเอกสารหลุดมาก่อน
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เฟซบุ๊ก Samdech Hun Sen of Cambodia ของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา มีการโพสต์หัวข้อเรื่อง "ประเทศไทยยังคงมีความปรารถนาและความทะเยอทะยานอย่างแรงกล้าที่จะยึดครองกัมพูชา!" ใจความว่า
“นักการเมืองหัวรุนแรงไทย สนธิ ลิ้มทองกุล ได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าหากเขาชนะการเลือกตั้งและนำประเทศด้วยอำนาจเต็ม เขาจะส่งทหารไปรุกรานกัมพูชาและยึดจังหวัดต่างๆ ของกัมพูชา เช่น พระตะบอง เสียมราฐ บันทายมีชัย พระวิหาร และเกาะกูด และอาจรวมถึงพนมเปญด้วย"
“นี่คือคำพูดของสนธิ ลิ้มทองกุล ที่พูดภาษาไทยว่า 'ท่านฮุนเซนมหาเดโช ท่านโชคดีมากที่ข้าพเจ้า สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่มีอำนาจ หากข้าพเจ้ามีอำนาจ วันนี้ข้าพเจ้าจะยึดพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ แล้วพรุ่งนี้ข้าพเจ้าจะไปยึดพระวิหารและเกาะกูด ข้าพเจ้าขอถามท่านว่าหากท่านยังไม่พอใจ ข้าพเจ้าจะไปยึดพนมเปญ'
คำพูดดังกล่าวของนักการเมืองหัวรุนแรงไทย แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความโลภและความทะเยอทะยานของพวกเขาที่มีต่อดินแดนกัมพูชา ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอประกาศว่า พี่น้องชาวกัมพูชาทุกคนจะต้องสามัคคีกันเป็นหนึ่งเดียว เฝ้าระวังตลอดเวลา และพร้อมที่จะต่อต้านและเอาชนะกลอุบายสกปรกของไทยที่โลภและทะเยอทะยานที่จะกลืนกินจังหวัดต่างๆ ของกัมพูชา"
“ด้วยพฤติกรรมก้าวร้าวเช่นนี้ เราต้องเสริมกำลังทหารทุกรูปแบบ เสริมกำลังป้องกันประเทศของประชาชน และพยายามเจรจาเพื่อกำหนดเขตแดนกับไทยโดยเร็วที่สุด เราต้องเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้เป็นเวลานานด้วยวิธีการทางทหาร การเมือง การทูต และกฎหมาย ตราบใดที่ยังไม่มีการกำหนดเขตแดน ความเป็นไปได้ของการปะทะทางทหารหรือสงครามชายแดนก็หลีกเลี่ยงได้ยาก
ข้าพเจ้าไม่ต่อสู้กับผู้รุกราน แต่ข้าพเจ้าขอเตือนพี่น้องชาวกัมพูชาผู้รักชาติให้เตรียมต่อสู้กับผู้รุกราน” ข้อความในเฟซบุ๊กของนายฮุน เซน ระบุไว้
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีการเปิดเอกสารของกองกำลังบูรพาให้เปิด 3 ด่าน ผ่อนผันให้รถขนส่งสินค้าตกค้างกลับเข้าประเทศ แต่ฝั่งกัมพูชาได้ปฏิเสธการเปิดด่านดังกล่าว ว่า ไทยไม่เคยขอเปิดด่าน และที่ผ่านมาไม่เคยปิด การเปิดปิดด่านฝั่งไทย ณ ปัจจุบันยังอยู่ในขั้นตอน 1-2 คือ การกำหนดเวลาและควบคุมสินค้า ซึ่งตามด่านปัจจุบันไทยยังไม่ได้ปิดล็อก แต่ต้องการช่วยเหลือเรื่องของการค้าชายแดน ความมุ่งหวังของรัฐบาลต้องการให้เกิดสันติวิธี และพยายามที่จะให้เกิดการเจรจาของทั้งสองฝ่าย โดยถือเป็นจุดยืนมาตั้งแต่ต้น ซึ่งวิถีชีวิตขณะนี้ รัฐบาลพยายามทำให้ทั้งสองประเทศไม่ได้รับความเดือดร้อน และจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เช่นเรื่องการศึกษาและการรักษาพยาบาล
นายภูมิธรรมกล่าวว่า ขณะนี้เรื่องที่ฝั่งกัมพูชาพูด อยากให้ทุกคนระมัดระวังและรับฟังอย่างมีสติ เพราะเขากำลังแก้ไขปัญหาภายในประเทศเขา ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรา ไทยชัดเจนและยืนยันว่า เราไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลก หากเป็นเรื่องอื่นยังคงยืนยันตามกระบวนการ เรื่องของเอกสารการเปิดปิดด่านของกองกำลังบูรพาดังกล่าว เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. กองทัพบกได้ออกมาชี้แจงแล้ว และการที่กัมพูชาไม่เปิดด่านให้รถบรรทุกสินค้าข้ามมาฝั่งไทยนั้นก็ไม่ได้กระทบอะไร แต่สิ่งที่รัฐบาลพยายามกระทำคือ การลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น หากสามารถผ่อนปรนไม่ให้เกิดวิกฤต และประชาชนได้รับผลประโยชน์ก็จะดำเนินการ แต่หากฝั่งกัมพูชาไม่ดำเนินการก็ถือว่าเป็นเรื่องของเขา ประชาชนชาวกัมพูชาต้องไปพิจารณาเอา
ด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ในฐานะโฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) แถลงผลการประชุม ศบ.ทก.ว่า จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ฝ่ายตรงข้ามได้มีการวางแผนที่ลึกซึ้งและแยบยล เริ่มจากการสร้างสถานการณ์ให้มีความตึงเครียดในพื้นที่ และขยายผลให้มีผลกระทบทางการเมือง สร้างความแตกแยกในสังคมไทย ทำให้ขาดความเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐบาล ฉะนั้นการจัดตั้ง ศบ.ทก.เพื่อลบและแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากความตึงเครียด ศบ.ทก.มีวัตถุประสงค์เพื่อการบูรณาการการทำงานระยะสั้น ติดตาม ให้ข้อเสนอแนะการทำงานระยะยาว เพื่อให้กระทรวงการต่างๆ ที่รับผิดชอบในภาวะปกติไปดำเนินการต่อไป เราพยายามดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เป็นวาระเร่งด่วนของชาติให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ
โฆษก ศบ.ทก.กล่าวว่า การดำเนินการของ ศบ.ทก.เป็นกลไกในการรับนโยบายรัฐบาล ที่ผ่านการพิจารณากลั่นกรองโดยสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จากนั้น ศบ.ทก.จะประสานสั่งการไปยังกองทัพ โดยกองกำลังป้องกันชายแดนในพื้นที่ซึ่งปัจจุบันมี 3 กองกำลัง ไม่ว่าจะเป็นกองกำลังสุรนารี, กองกำลังบูรพา และกองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เป็นผู้รับผิดชอบหลักในการออกคำสั่งดำเนินการ
พล.ร.ต.สุรสันต์กล่าวอีกว่า กรณีปรากฏข้อมูลข่าวสารในสื่อกล่าวหาว่าฝ่ายไทยปิดด่านนั้น ฝ่ายไทยไม่มีนโยบายในการปิดด่านแต่อย่างใด การดำเนินการที่ผ่านมาเป็นการควบคุมด่านต่างๆ ที่เข้มข้นขึ้นในการผ่านเข้าออก โดยจำกัดประเภทคนและเวลาของการผ่านเข้าออก โดยคำนึงถึงพื้นฐานด้านมนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ ส่วนกรณีหนังสือของกองกำลังบูรพาที่ถูกเผยแพร่ผ่านสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับการประสานขอให้มีการผ่อนผันรถขนส่งสินค้าที่ติดค้างบริเวณจุดผ่านแดนต่างๆ นั้น การประสานงานเป็นการประสานงานภายใน ที่ผ่านมายังไม่มีการประสานไปยังฝ่ายกัมพูชาแต่อย่างใด ตัวหนังสือที่ออกมาไม่ทราบว่าหลุดออกไปยังฝ่ายกัมพูชาได้อย่างไร เพราะการประสานนั้นสิ่งจำเป็นของเราคือ ฝ่ายเราต้องได้รับทราบข้อมูลชัดเจนเสียก่อน ก่อนที่จะประสานไปยังฝ่ายกัมพูชา ซึ่งเป็นประเด็นสืบเนื่องจากการที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ จ.สระแก้ว เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ผ่านมา และได้รับฟังความคิดเห็นของประชาชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนส่งสินค้าที่ติดค้างอยู่ตามแนวชายแดน ซึ่งฝ่ายไทยมีแนวคิดที่จะผ่อนปรนให้รถขนส่งสินค้าสามารถเดินทางผ่านเข้าออกได้ แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ยังไม่ทันได้ประสานไปยังกัมพูชา แต่กัมพูชาก็ประกาศแล้วว่าไม่ยอมให้รถขนส่งสินค้าผ่านข้ามแดนได้
ขณะที่นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาไทยได้มีการขับเคลื่อนความร่วมมือการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติร่วมกับนานาชาติ ร่วมกับหลายองค์กรทั้งแบบพหุภาคีและทวิภาคี ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) กระบวนการบาหลี (The Bali Process) หรือแม้กระทั่งในกรอบความร่วมมือแม่โขง ล้านช้าง ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ และอีกหลายกรอบความร่วมมือที่จะตั้งขึ้นเพิ่มเติมแล้วแต่สถานการณ์และความเหมาะสม ทั้งนี้ไทยขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาร่วมมือกับฝ่ายไทยอย่างจริงจังและจริงใจ เพื่อลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน และสร้างความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนทั้งสองฝ่าย.