หลักฐานใหม่ เขากระโดง : มหากาพย์ที่ดินรัฐ สู่โฉนดปริศนา?
ปมพิพาท "เขากระโดง" มหากาพย์ที่ดินรัฐ สู่โฉนดส่วนบุคคล
ที่ดินเขากระโดง กำลังกลายเป็น "หลักฐานใหม่" ที่สั่นคลอนประวัติศาสตร์การจัดการที่ดินไทย เผยความซับซ้อนของคดีที่เกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ทับซ้อนและช่องโหว่ทางกฎหมายมาอย่างยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ
จากที่ดิน "รฟท." สู่โฉนดปริศนา: จุดเริ่มต้นของมหากาพย์
ประเด็นร้อนที่ดินเขากระโดงเริ่มต้นขึ้นจากสถานะของผืนดินแห่งนี้ที่ถูกกำหนดให้เป็น "ที่ดินของรัฐเพื่อกิจการรถไฟ" มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2464 อย่างชัดเจน แต่แล้วในเวลาต่อมา ดินแดนผืนนี้กลับกลายเป็นเป้าหมายของบุคคลทั่วไป รวมถึงนักการเมือง ที่สามารถออก "โฉนดที่ดิน" ครอบครองพื้นที่ส่วนนี้ได้อย่างน่ากังขา
สัญญา "ปริศนา" และการปฏิเสธที่ถูกเมิน
พ.ศ. 2513 นักการเมืองคนหนึ่งได้ทำสัญญา"อยู่อาศัย" บนที่ดินรถไฟเขากระโดงขนาด 6 ไร่ เป็นเวลา 3 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เก็บหินสำหรับธุรกิจก่อสร้าง ที่น่าสนใจคือ สัญญาดังกล่าวระบุไว้อย่างชัดเจนว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของ "การรถไฟ"
เพียงหนึ่งปีให้หลัง นักการเมืองรายเดิมพยายามยื่นขอขยายสัญญาจาก 3 ปี เป็น 30 ปี พร้อมขอให้สามารถโอนสิทธิให้ทายาทได้ด้วย ทว่า "การรถไฟแห่งประเทศไทย" (รฟท.) ได้ปฏิเสธคำขอดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าแม้แต่สัญญา 3 ปีแรกก็ถือเป็นกรณีพิเศษ เพราะโดยปกติแล้วจะอนุญาตให้ใช้ที่ดินแบบปีต่อปีเท่านั้น
โฉนด "ผี" ออกได้อย่างไร? ปริศนาที่รอการคลี่คลาย
แม้สถานะที่ดินเป็นของรัฐ และคำขอขยายสัญญาเช่าถูกปัดตกอย่างไม่ไยดี แต่ที่สุดแล้ว ทายาทของนักการเมืองท่านนี้กลับได้รับ "โฉนดที่ดิน" สำหรับพื้นที่ที่ใหญ่กว่ามาก ซึ่งมีรายงานว่าครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยไร่! คำถามสำคัญที่คลิปวิดีโอและสังคมกำลังเรียกร้องคือ การออกโฉนดเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? และใครคือผู้อยู่เบื้องหลังการดำเนินการที่ขัดแย้งกับหลักฐานและคำสั่งของ รฟท.
ความไม่ชอบมาพากลทางกฎหมายและ "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ที่รอการสะสางจึงไม่ใช่แค่เรื่องการบุกรุก แต่ยังเต็มไปด้วยความซับซ้อนทางกฎหมายและข้อกังขาเรื่อง "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ที่ยากจะปฏิเสธ
คำพิพากษาศาลฎีกา: มี คำพิพากษาศาลฎีกา พร้อมแผนที่แนบท้ายที่ยืนยันอย่างชัดเจนว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของการรถไฟ
กรรมการสอบสวน "ไร้น้ำยา": มีการตั้ง คณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อเพิกถอนโฉนดที่ดิน แต่คณะกรรมการชุดนี้กลับไม่ได้ดำเนินการเพิกถอน โดยอ้างว่าแผนที่ไม่ชัดเจน ซึ่งคลิปวิดีโอโต้แย้งว่าการกระทำของคณะกรรมการนี้อาจมิชอบหรือไม่ได้รับอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคำพิพากษาของศาลฎีกาอยู่แล้ว
กรมที่ดินกับการทำงานที่น่าเคลือบแคลง: เกิดคำถามถึงการกระทำของ กรมที่ดิน ซึ่งอาจมีความขัดแย้งภายในและผลประโยชน์ทับซ้อนในการดำเนินการออกโฉนด
ข้อกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนยิ่งปรากฏชัดเจนขึ้น
ในปี พ.ศ. 2539 บุตรชายของนักการเมืองที่เคยพยายามใช้ที่ดินในตอนแรก ได้ก้าวขึ้นเป็น รัฐมนตรี และดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินที่เขากระโดง ซึ่งรวมถึงที่ดินที่ครอบครัวของเขาครอบครองอยู่ด้วย
"พ่อเมือง" ผู้เป็นบิดาอธิบดีกรมที่ดิน: ผู้ว่าราชการจังหวัดในการประชุมครั้งนั้น ยังถูกระบุว่าเป็นบิดาของอธิบดีกรมที่ดินในเวลาต่อมา ซึ่งก่อให้เกิดคำถามถึงความเชื่อมโยงที่น่าสงสัย แม้ในยุคนั้น แนวคิดเรื่อง "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ยังไม่เป็นที่รู้จักในทางกฎหมายอย่างกว้างขวางจนกระทั่งมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2540
แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์? ความหวังในการแก้ไขปัญหาที่คาราคาซัง
ด้วยการเข้ามาของรัฐมนตรีมหาดไทย (ภูมิธรรม เวชยชัย) ประชาชนและสังคมต่างคาดหวังว่าหลักฐานใหม่ในคดีนี้จะได้รับการตรวจสอบอย่างจริงจัง และความซับซ้อนทางประวัติศาสตร์จะได้รับการสืบสวนเพื่อหาทางแก้ไข
ที่สำคัญ การดำเนินการล่าสุดของ รองนายกรัฐมนตรีภูมิธรรม ในการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังในด้านอื่นๆ ก็สร้างความหวังว่าจะมีการดำเนินการที่เด็ดขาดในกรณีเขากระโดงนี้เช่นกัน
มรดกประวัติศาสตร์อันยาวนานของการจัดการที่ดินที่เต็มไปด้วยข้อกังขา ผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และความเฉื่อยชาของระบบราชการที่เปิดช่องให้บุคคลทั่วไปสามารถครอบครองและได้รับโฉนดสำหรับที่ดินของรัฐได้
ถึงเวลาแล้วที่ความจริงเบื้องหลัง "เขากระโดง" จะต้องปรากฏสู่สาธารณะอย่างโปร่งใส และนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อมานานแสนนาน
ที่มาประกอบเนื้อหาข่าว เนชั่นทีวี (คลิ๊ก)