ธนาคารกรุงเทพแจ้งกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2568 ทะลุ 2.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5%YoY ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกผันผวน
วันนี้ (17 กรกฎาคม) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการแข็งแกร่ง สำหรับงวดครึ่งแรกของปี 2568 โดยมีกำไรสุทธิรวม 24,458 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า สะท้อนความสามารถในการบริหารจัดการสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ
ผลกำไรมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 63,614 ล้านบาท และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 2.85% ซึ่งเป็นไปตามทิศทางของอัตราดอกเบี้ย
นอกจากนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยยังเพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน และกำไรจากเงินลงทุน แม้ว่ารายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิจะลดลงจากการบริการธุรกรรมผ่านธนาคาร แต่ก็ถูกชดเชยด้วยรายได้จากบริการการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวชั่วคราว ภาคบริการยังเผชิญแรงกดดัน
ในไตรมาส 2 ปี 2568 เศรษฐกิจไทยมีการปรับตัวดีขึ้นชั่วคราวจากการเร่งคำสั่งซื้อ (Front-loading orders) สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ รวมถึงยานยนต์จากประเทศคู่ค้าหลัก ก่อนมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐอเมริกาจะมีผลบังคับใช้ในครึ่งหลังของปี
อย่างไรก็ตาม แรงส่งนี้มีลักษณะชั่วคราวและยังไม่สะท้อนการฟื้นตัวของอุปสงค์โลกที่แท้จริง ขณะที่ภาคบริการซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยังคงเผชิญแรงกดดันจากการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน แม้ว่านักท่องเที่ยวจากรัสเซีย อินเดีย และอาเซียนจะเพิ่มขึ้น และช่วยพยุงรายได้ภาคการท่องเที่ยวได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอที่จะผลักดันให้ภาคบริการโดยรวมฟื้นตัวอย่างชัดเจน
ด้านเสถียรภาพราคา อัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งสะท้อนแรงกดดันด้านต้นทุนที่จำกัด แต่ในขณะเดียวกันก็ชี้ให้เห็นถึงความเปราะบางของอุปสงค์ภายในประเทศ โดยเฉพาะการบริโภคภาคครัวเรือนที่ยังคงถูกกดดันจากภาระหนี้สูง และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายภาคเอกชน
ธนาคารกรุงเทพยืนเคียงข้างลูกค้า ยึดมั่นการเติบโตอย่างยั่งยืน
ท่ามกลางความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้า ผลกระทบจากสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ธนาคารกรุงเทพยังคงมุ่งมั่นเป็น ‘เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน’ พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนลูกค้าแต่ละกลุ่มอย่างเหมาะสม ทั้งด้านเงินทุนและองค์ความรู้ที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโตและขยายกิจการไปต่างประเทศผ่านกลยุทธ์ Regionalization
นอกจากนี้ ธนาคารยังคงสนับสนุนนโยบายภาครัฐในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย เช่น โครงการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ เพื่อบรรเทาภาระหนี้ของลูกหนี้ให้สามารถฟื้นตัวในระยะยาว พร้อมทั้งดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวัง ยึดมั่นแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) และมุ่งมั่นให้บริการทางการเงินที่รับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการเติบโตอย่างยั่งยืน
ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง รองรับการเติบโตอย่างมั่นคง
ธนาคารยังคงรักษาสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและรอบคอบ โดยมีเงินให้สินเชื่อ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 อยู่ที่ 2,712,930 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% จากสิ้นปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่
อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมอยู่ที่ 3.2% ซึ่งยังคงบริหารจัดการได้ โดยมีอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 283.6% เป็นผลจากการตั้งสำรองอย่างระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2568 ธนาคารมีเงินรับฝากจำนวน 3,195,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% จากสิ้นปีก่อน และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 84.9%
นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 22.0%, 17.5% และ 16.7% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด