กกต. เผย สำนวนคดีฮั้ว สว. ถึงขั้นตอนที่ 2 แล้ว หลังปรากฏข่าว คกก. ไต่สวนฯ ชงดำเนินคดีกว่า 200 ราย
วันนี้ (17 กรกฎาคม) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงข่าวประชาสัมพันธ์ว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง คณะที่ 26 ส่งสำนวนการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) หรือคดีฮั้ว สว. ให้สำนักงาน กกต. เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568
สำหรับความเห็นของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง คณะที่ 26 ถือเป็นความลับ และอยู่ระหว่างการดำเนินการของรองเลขาธิการ กกต. ที่ได้รับมอบหมายจากเลขาธิการ กกต. ที่จะดำเนินการวิเคราะห์สำนวนและจัดทำความเห็น (ขั้นตอนที่ 2) เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะเสนอคณะอนุกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งจัดทำความเห็น (ขั้นตอนที่ 3) และสำนักงาน กกต. เสนอสำนวนให้ กกต. พิจารณาต่อไป (ขั้นตอนที่ 4) ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน ไต่สวน และวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2566 ที่ต้องดำเนินการให้ครบถ้วน ตามระเบียบที่กำหนด
สำนักงาน กกต. ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและประชาชนในการติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้เพื่อป้องกันความสับสน และขอยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปอย่างสุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมายในทุกกระบวนการ
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกัน มีการรายงานปรากฏเป็นข่าวว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง คณะที่ 26 ที่มี ร.ต.อ. ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. เป็นประธาน ได้สรุปสำนวนการสอบสวนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการฮั้วเลือก สว. 2567 โดยมีมติเสนอ กกต. เห็นควรดำเนินคดีต่อผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 229 ราย แบ่งเป็น สว. 138 ราย กรรมการบริหารพรรคการเมืองหนึ่ง และเครือข่าย 91 ราย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา 2561 มาตรา 70 ประกอบ มาตรา 36 มาตรา 62 มาตรา 76 และ มาตรา 77 (1)
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง คณะที่ 26 พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวเข้าข่ายมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า ทำให้ได้รับเลือกมาเป็น สว. โดยไม่สุจริตเที่ยงธรรม และขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 113 ที่บัญญัติว่า สว. ต้องไม่ฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใดๆ