สรุปครบ! ชาวสวนยางที่ยื่นขอโค่นยางฯ แล้วยังไม่ได้รับเงิน ไร่ละ 1.6 หมื่นบาท ต้องทำอย่างไร
การยางแห่งประเทศไทย มี โครงการการขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน มีหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข (ถ้ามี) ในการยื่นคำขอ และในการพิจารณาอนุญาต สวนยางที่เข้าหลักเกณฑ์ขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน ต้องมีเนื้อที่ไม่น้อยกว่า 2 ไร่ แต่ละไร่มีต้นยางปลูกไม่น้อยกว่า 10 ต้น โดยเฉลี่ยไม่น้อยกว่าไร่ละ 25 ต้น และเป็นต้นยางอายุกว่า 25 ปี ขึ้นไป หรือต้นยางทรุดโทรมเสียหาย หรือต้นยางได้ผลน้อยตามหลักเกณฑ์ที่ กยท. กำหนด
สวนยางที่อยู่ในหลักเกณฑ์ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทนจะต้องไม่เป็นที่ดิน หวงห้ามของทางราชการ หรืออยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ หรือเขตอุทยานแห่งชาติ หรือป่าที่คณะรัฐมนตรีมีมติ กำหนดไว้ให้เป็นป่าถาวรอันเป็นสมบัติของชาติ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากหน่วยราชการผู้รับผิดชอบให้เป็น ผู้มีสิทธิทำกิน หรือได้รับอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นการชั่วคราว เพื่อการทำสวนยาง
ปัจจุบันมีเกษตรกรชาวสวนยางที่ได้ยื่นคำขอรับการปลูกแทนและอยู่ระหว่างรอการอนุมัติให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทนจำนวนมาก ล่าสุด กยท. ได้รวบรวมคำขอคงเหลือของผู้ขอรับการปลูกแทนรายที่เจตนาจะโค่นต้นยางและปลูกแทนโดยใช้ทุนตนเองก่อนได้รับอนุมัติ โดยมีแผนการโค่นและปลูกแล้วเสร็จในปีงบประมาณ 2568
ทั้งนี้เกษตรกรได้ยื่นแบบขอโค่นและปลูกแทนด้วยทุนตนเองก่อนได้รับอนุมัติ (แบบ กยท. 4) แล้ว รวมทั้งสิ้น 36,283 ราย คิดเป็นพื้นที่รวม 346,685.90 ไร่ โดยขณะนี้ กยท. อนุมัติงบประมาณปี 2568 จากกองทุนพัฒนายางพารา ตามมาตรา 49(2) วงเงินรวม 2,860,431,552.20 บาท สำหรับโครงการโค่นต้นยางและปลูกแทนโดยใช้ทุนของเกษตรกรก่อนได้รับการอนุมัติจาก กยท. ไว้เรียบร้อยแล้ว
.
จะดำเนินการจ่ายเงินในการส่งเสริม สนับสนุน และให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางที่ยื่นขอโค่นและปลูกแทนด้วยทุนตนเองก่อนได้รับอนุมัติกับ กยท. ในอัตราไร่ละ 16,000 บาท ซึ่ง กยท. จะอนุมัติการปลูกแทนและเริ่มจ่ายเงินได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 โดยจะจ่ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 กันยายน 2568
ทั้งนี้ เกษตรกรในโครงการฯ นี้ สามารถติดต่อขอรับเงินสนับสนุนได้ที่ กยท.จังหวัด/สาขา ในพื้นที่ใกล้บ้าน สำหรับโครงการฯ ดังกล่าว เป็นหนึ่งในโครงการที่ กยท. ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายสำหรับการปลูกต้นยางใหม่ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนให้เกษตรกรนำไปบริหารจัดการสวนยางได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ดี คุณสมบัติผู้มีสิทธิ์ที่ได้รับการพิจารณาให้ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน ต้องเป็นผู้ขึ้นทะเบียนไว้กับการยางแห่งประเทศไทยในฐานะเป็นเจ้าของสวนยาง การให้การส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทนมีให้เลือก 3 แบบ
- แบบ 1 ปลูกแทนด้วยยางพันธุ์ดี
- แบบ 2 ปลูกแทนแบบเกษตรกรรมยั่งยืนโดยมีไม้ยืนต้นที่มีความสำคัญ ทางเศรษฐกิจเป็นพืชหลัก
- แบบ 3 ปลูกแทนแบบสวนยางยั่งยืน การปลูกยางผสมผสานร่วมกับกิจกรรมอื่นๆ
สำหรับการขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน ให้เกษตรกรชาวสวนยางยื่นแบบพิมพ์ คำขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทน ตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการยางแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 (แบบ กยท.1) พร้อมเอกสารหลักฐาน
จากนั้นพนักงานการยางแห่งประเทศไทยจะทำการสำรวจ รังวัดที่ดิน เมื่อการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) อนุมัติคำขอแล้ว จะแจ้งผลให้เกษตรกรเจ้าของสวนยางทราบ พร้อมทั้งนัดเกษตรกรเจ้าของสวนยางประชุมชี้แจงขั้นตอนการปลูกแทน ทำสัญญา และรับหนังสือประจำตัว ผู้ได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการปลูกแทนต่อไป