‘กรมทะเล’จัดงานวันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ 2568 รำลึก ‘มาเรียม’
เมื่อวันที่ 17 ส.ค. กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงาน “วันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ ประจำปี 2568” ภายใต้แนวคิด “รักษ์พะยูนคืนถิ่นเลตรัง” โดยนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า วันที่ 17 ส.ค. ของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ เนื่องจากตรงกับวันที่พะยูน “มาเรียม” เสียชีวิต เพื่อเป็นการระลึกถึงและให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของพะยูนที่มีต่อระบบนิเวศชายฝั่งทะเล เกิดกระแสตื่นตัวต่อการอนุรักษ์พะยูนและสัตว์ทะเลหายากในประเทศไทย และร่วมกันดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยพะยูนเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล และเป็นสัตว์ป่าสงวนตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 จากข้อมูลสถานภาพพะยูนในเดือน ส.ค. 2568 พบพะยูนประมาณ 129 ตัว โดยเป็นประชากรพะยูนในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามัน 114 ตัว และอยู่ใน จ.ตรังถึง 52 ตัว เพราะมีพื้นที่แหล่งหญ้าทะเลที่เป็นอาหารและแหล่งอาศัยใหญ่ที่สุดของประเทศไทย
นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า ปัจจุบันพะยูนมีแนวโน้มที่จะลดลง และจากการประเมินของสหภาพสากลว่าด้วยการอนุรักษ์ (IUCN) พบว่าพะยูนถูกจัดให้อยู่ในสภาวะเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ ดังนั้นกรมทรัพยากรทางทะเลฯ จึงได้พยายามยกระดับและเร่งรัดผลักดันงานด้านการอนุรักษ์พะยูนให้เพิ่มจำนวนและคงอยู่อย่างสมดุลและยั่งยืน โดยกำหนดมาตรการเชิงรุกเร่งด่วน 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1.ฟื้นฟูและคุ้มครองแหล่งหญ้าทะเลอย่างเข้มข้นโดยเฉพาะในพื้นที่ที่พบพะยูนชุกชุมและมีปัญหาความเสื่อมโทรม 2.ควบคุมกิจกรรมของมนุษย์ เช่น การกำหนดเขตจำกัดความเร็วเรือในแหล่งหญ้าทะเล และลดความเสี่ยงจากเครื่องมือประมง 3.ยกระดับระบบเฝ้าระวังและการช่วยเหลือพะยูนเกยตื้นให้ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 4.เฝ้าระวังโรคและปัจจัยด้านสุขภาพของพะยูน โดยสนับสนุนการตรวจวินิจฉัยโรค สารพิษ และมลพิษในแหล่งอาศัย รวมถึงพัฒนาอาหารทดแทนสำหรับพะยูนในภาวะขาดแคลนอาหาร
“ตลอดการดำเนินงานที่ผ่านมา หน่วยงานและภาคส่วนต่าง ๆ ได้สนับสนุนและร่วมมือกันทำงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์พะยูนอย่างใกล้ชิดมากขึ้น โดยการมีส่วนร่วมจากชุมชน เครือข่ายอนุรักษ์ อาสาสมัคร และภาคส่วนต่าง ๆ มีการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการสร้างจิตสำนึกกับกลุ่มเป้าหมายรวมถึงเยาวชน และโรงเรียนในพื้นที่ที่อยู่ติดชายทะเลให้เห็นความสำคัญ ทำให้มีแนวทางบริหารจัดการอนุรักษ์พะยูนและถิ่นอาศัยอย่างชัดเจน และมีความก้าวหน้าเป็นรูปธรรม เพราะการอนุรักษ์และดูแลพะยูน ไม่ใช่เพียงเรื่องของภาครัฐหรือจังหวัดตรังเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่พวกเราทุกคนต้องช่วยกัน ไม่กระทำการที่ส่งผลกระทบต่อพะยูนไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม การที่พะยูนกลับคืนถิ่น คือสัญญาณว่าธรรมชาติกำลังตอบรับความพยายามของมนุษย์ หากเรายังร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง วันหนึ่งลูกหลานของเราจะไม่ต้องมองหาพะยูนในหนังสือเรียน แต่จะได้เห็นพะยูนในธรรมชาติด้วยสายตาของตัวเอง” นายปิ่นสักก์ กล่าว
ขณะที่นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิจัยทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ว่า วันพะยูนแห่งชาติ มีจุดเริ่มจากการตายของมาเรียมเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ก่อให้เกิดกระแสการอนุรักษ์ที่เข้มแข็งต่อพะยูนและสิ่งแวดล้อม จนกระทั่งเรามีวิกฤติหญ้าทะเลหายในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้พะยูนฝั่งทะเลอันดามันหายไปกว่าครึ่ง ขณะนี้พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากเรามากกว่าครั้งไหนๆ จำนวนที่หายไปนี้สามารถเกิดทดแทนได้เพียงร้อยละห้าต่อปี กว่าจะเพิ่มได้เท่าเดิมต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 15 ปี
ทั้งนี้สถานภาพพะยูนในทะเลไทย คาดว่าเหลือเพียง 129 ตัว แบ่งเป็นฝั่งอันดามัน 114 ตัว ฝั่งอ่าวไทย 15 ตัว ถือว่าลดลง 50% จากสถิติย้อนหลังปี 2561- ส.ค.2568 นับถึงวันนี้ 8 เดือนของปีนี้ “พะยูน“ ตายไปแล้ว 20 ตัว โดยพบการกระจายตัวเช่น เกาะระ เกาะพระทอง 28 ตัว อ่าวภูเก็ต 10 ตัว เกาะศรีบอยา เกาะปู เกาะจำ 18 ตัว ตัวเกาะลิบง เกาะมุกด์ จ.ตรัง 52 ตัว เกาะลิดีตันหยงอุมา 6 ตัว อ่าวบ้านดอน 9 ตัว ปากน้ำประแสร์ จ.ระยอง 5 ตัว และหาดไม้รูด 1 ตัว
ขณะที่รายงานล่าสุดของ ทช. พบว่า ในช่วงปี 2562-2568 พบพะยูนตาย 176 ตัว ผลการชันสูตรการเกยตื้นของพะยูน และพบว่า 10% ที่ตายจากอุบัติเหตุทางเรือ เช่น การเฉี่ยวชน การถูกกระแทก และถูกใบจักรเรือ โดยตัวเลขความสูญเสียยังฉุดไม่อยู่ แนวโน้มปี 2568 พบพะยูนตายจากอุบัติเหตุทางน้ำเพิ่มมากเป็น 28%
พะยูน เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม และเป็นสัตว์ทะเลหายากชนิดแรกของไทยที่บรรจุเป็นสัตว์สงวนลำดับที่ 6 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 คาดการณ์ประชากรเหลือไม่ถึง 150 ตัว จากอดีต 250 ตัว ทำให้อยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างยิ่ง.