ฟุตบอลเดินสาย ไม่ใช่พื้นที่ของอารมณ์รุนเเรง
การแข่งขันฟุตบอลสมัครเล่นในระดับชุมชนกลับกลายเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่สร้าง แรงสั่นสะเทือนในวงการฟุตบอลท้องถิ่น “ศิวกร สิงทะนะ” ถูกนักเตะเดินสายเบอร์ 7 ของทีม CREATIVE FC ต่อยหน้ากลางสนาม หลังจากที่เขาให้ใบแดง
การแข่งขันฟุตบอลสมัครเล่นในระดับชุมชนที่ควรจะเป็นเวทีแห่งมิตรภาพ กลับกลายเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่สร้าง แรงสั่นสะเทือนในวงการฟุตบอลท้องถิ่น เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ที่ผ่ามา เมื่อ “ศิวกร สิงทะนะ” ผู้ตัดสินระดับไทยลีก 3 โซนภาคเหนือ ถูกนักเตะเดินสายเบอร์ 7 ของทีม CREATIVE FC ต่อยหน้ากลางสนาม หลังจากที่เขาให้ใบแดง นักเตะคนดังกล่าวเนื่องจากเข้าทำลายคู่แข่งจากทีม เอื้องฟ้า A อย่างรุนแรง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในการแข่งขันฟุตบอลเดินสาย “ปางอ่ายโอเพ่นคัพ” รุ่น VIP 35+ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งถือเป็นพฤติกรรม ที่ไม่สามารถยอมรับได้ในวงการกีฬาและสร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของฟุตบอลไทยอย่างมาก
รายละเอียดเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนวงการฟุตบอล จากข้อมูลที่ได้รับ เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อนักเตะเบอร์ 7 ของทีม CREATIVE FC ทำฟาวล์รุนแรงใส่นักเตะฝ่ายตรงข้าม ผู้ตัดสิน ศิวกร สิงทะนะ จึงตัดสินใจให้ใบแดง ไล่นักเตะออกจากสนาม ซึ่งเป็นการตัดสินที่ถูกต้องตามกฎการเล่น
อย่างไรก็ตาม นักเตะคนดังกล่าวไม่พอใจการตัดสินของผู้ตัดสิน และได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมออกมา โดยเดินเข้าไปหาผู้ตัดสินแล้วใช้กำปั้นต่อยหน้าผู้ตัดสินอย่างรุนแรงกลางสนาม ท่ามกลางความตกใจของผู้เล่นทั้งสองทีมและผู้ชมที่อยู่ในสนาม
เหตุการณ์นี้ถูกบันทึกเป็นวิดีโอและแพร่กระจายในโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากชาวเน็ตและคนในวงการฟุตบอลไทยที่ไม่สามารถยอมรับพฤติกรรมป่าเถื่อนแบบนี้ได้
ผลกระทบต่อผู้ตัดสินและการดำเนินการทางกฎหมาย หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น ศิวกร สิงทะนะ ได้เดินทางไปตรวจสอบ ร่างกายที่โรงพยาบาล เพื่อตรวจสอบอาการบาดเจ็บจากการถูกทำร้าย ขณะเดียวกันเขายังได้เดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำความผิด
การต่อยผู้ตัดสินกลางสนามถือเป็นความผิดทางอาญาที่มีโทษจำคุกและปรับ นอกจากนี้ยังเป็นการฝ่าฝีนกฎระเบียบของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งอาจส่งผลให้นักเตะคนดังกล่าวถูกแบนไม่ให้เล่นฟุตบอลอย่างถาวร
ผู้ตัดสินในประเทศไทยต่างรู้สึกไม่ปลอดภัยจากเหตุการณ์นี้ และหลายคนเรียกร้องให้มีมาตรการป้องกันและคุ้มครอง ผู้ตัดสินอย่างจริงจัง เพราะการทำงานของผู้ตัดสินเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้การแข่งขันเป็นไปอย่างยุติธรรม
ด้านสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้มีการประกาศจุดยืนและหลักการปฏิบัติชัดเจน โดยไม่สนับสนุนความรุนแรงใดๆในทุกกรณี ทั้งในสนามแข่งขัน และนอกสนามแข่งขัน พร้อมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดการแข่งขันทุกรายการในทุกประเทศไทย
ไม่ว่าภายใต้สังกัด หรือหน่วยงานใด จะไม่เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีก
ผลกระทบต่อวงการฟุตบอลไทยและภาพลักษณ์ เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของฟุตบอลไทยอย่างมาก โดยเฉพาะในระดับฟุตบอลเดินสายที่มักถูกมองว่าเป็นฟุตบอลที่มีความรุนแรงและขาดการควบคุมที่ดี เหตุการณ์นี้ยิ่งเสริมภาพลักษณ์ลบให้กับฟุตบอลเดินสายมากขึ้น
หลายคนในวงการฟุตบอลเรียกร้องให้มีการปรับปรุงระบบการจัดการแข่งขันฟุตบอลเดินสาย โดยเน้นการควบคุมพฤติกรรม ของนักเตะและการคุ้มครองผู้ตัดสินให้มากขึ้น รวมถึงการกำหนดโทษที่จริงจังสำหรับผู้ที่แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยอาจต้องพิจารณาออกมาตรการเข้มงวดมากขึ้นเพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก และเพื่อรักษาชื่อเสียงของฟุตบอลไทยในระดับสากล
บทเรียนสำคัญและข้อควรระวังสำหรับนักกีฬา เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักกีฬาทุกคนว่าการควบคุมอารมณ์และการแสดงออกที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่ง การที่อารมณ์ขึ้นมาในขณะแข่งขันอาจเข้าใจได้ แต่การใช้ความรุนแรง
ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
นักกีฬาควรเรียนรู้วิธีการจัดการกับความเครียดและความผิดหวังในการแข่งขัน โดยการฝึกสมาธิ การพูดคุยกับโค้ชหรือ นักจิตวิทยากีฬา และการเรียนรู้กฎกติกาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้
การกระทำของนักเตะคนนี้ไม่เพียงทำลายอนาคตการเป็นนักกีฬาของตนเองเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว ธุรกิจ และชื่อเสียงของตนเองในระยะยาว
ขณะที่ ล่าสุด นักเตะคนดังกล่าวที่ก่อเรื่อง ศาลพิจารณาไกล่เกลี่ยเรียบร้อย โดยบทลงโทษมีดังนี้
1.ให้ผู้กระทำผิดชดใช้ค่าเสียหาย นาฬิกาข้อมือ 12,000 บาท
2.ค่าทำขวัญ 8,000 บาท
3.สั่งคุมประพฤติเป็นเวลา 1 เดือน
4.สั่งให้บันทึกคลิปขอโทษผู้ตัดสินและสังคม โพสต์ลงชื่อโชลเชี่ยลมีเดีย ด้วย
ส่วน ผู้ตัดสินที่ถูกทำร้าย ปัจจุบันหายเป็นปกติ และต้องการให้จบเรื่องคดีความ และขอทำงานในพื้นที่ได้อย่างสบายใจ
มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ประสานให้ฝ่ายผู้ตัดสินเข้าไปช่วยดูแลเรื่อง ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดให้กับ ศิวกร สิงทะนะ ผู้ตัดสินระดับไทยลีก 3 โซนภาคเหนือ หลังถูกทำร้ายร่างกาย ระบุแม้ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในรายการแข่งขันภายใต้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ แต่ในฐานะที่เป็นผู้ตัดสินภายใต้สังกัดของสมาคมฯยินดีให้การดูแลเป็นกรณีพิเศษ
เหตุการณ์นี้เป็นเสมือนบทเรียนครั้งใหญ่ที่ตอกย้ำว่า “กีฬาไม่ใช่พื้นที่ของอารมณ์” และไม่ควรถูกใช้เป็นเวทีระบายความรุนแรง แม้การแข่งขันจะเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แต่ความเคารพต่อกติกาและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องคือสิ่งที่ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าต่อไปจะมีการปรับปรุงระบบการจัดการแข่งขันฟุตบอลเดินสายให้ดีขึ้น สร้างความปลอดภัยสำหรับ นักเตะ ,ผู้ตัดสิน ในอนาคต รวมถึงการส่งเสริมวัฒนธรรมกีฬาที่ดี สร้างความสามัคคี สร้างสุขภาพ และการเคารพกฎกติกา มีสปริตต่อกันเเละกัน รู้เเพ้ รู้ชนะ รู้อภัย
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews