ไทยกัมพูชา หยุดยิง มี 13 ข้อตกลง แต่ปัญหายังไม่จบ
การสู้รบชายแดนไทยกัมพูชา บรรลุข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 28 ก.ค. 2568 กำหนดหยุดยิงในเวลาเที่ยงคืน แต่มีการละเมิดกันเล็กน้อย ฝ่ายไทยไม่มีการสูญเสียเพิ่ม ก่อนจะมีการตกลง 13 ข้อ ในการประชุม GBC โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีกลาโหม กับ พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รองนายกฯและรัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา เป็นผู้ลงนาม
ทั้ง 13 ข้อ เหมือนจะเป็นของดี อาจทำให้สันติสุข สันติภาพชายแดน 2 ประเทศกลับคืนมา แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคตว่าจะยึดมั่นในข้อตกลงกันได้มากน้อยเพียงใด หากมีใครละเมิด การสู้รบจะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่ คงไม่มีใครสามารถตอบได้ทันทีในเวลานี้ แต่การมี 13 ข้อตกลงนี้ไว้ ถือเป็นการมีกรอบการอยู่ร่วมกันอย่างสงบในขั้นต้นเท่านั้น
การที่กัมพูชา ไม่ยอมรับในเรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิด และไม่ยอมรับปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เปรียบเหมือนทิ้งเชื้อไฟเอาไว้ส่วนหนึ่ง จะกลับมาสุมให้เกิดการปะทะ เกิดการสู้รบอีกครั้งเมื่อไหร่ ก็ได้ โดย"ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกฯ และเป็นคุณพ่อของนายกฯ คนปัจจุบันที่ถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ พูดเองว่า "สมเด็จ ฮุนเซน"ผู้นำสูงสุดของกัมพูชา ซึ่งเป็นเพื่อนกันและตัดสัมพันธ์กันแล้วนั้น เพราะรัฐบาลปราบแกงค์คอลเซ็นเตอร์ และมีการแฉพฤติกรรมในอดีตของ"ทักษิณ" มากมายในเวลาต่อมา จนกระทั่งเกิดการสู้รบ และมีการเจรจาหยุดยิง
แต่อย่างไรก็ตาม สมเด็จฮุนเซน ก็ยังมีการปล่อยข่าวบิดเบือนใส่ร้าย และยั่วยุปลุกปั่นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงในระดับหนึ่งแล้ว ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงของไทย ยังตรวจพบการเสริมกำลังทหาร และอาวุธของกัมพูชา ตามแนวชายแดนด้วยเช่นกัน ดังนั้นการมี 13 ข้อตกลง หลังการหยุดยิง ก็ยังไม่การันตีว่าปัญหาจะจบ
ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนระหว่างไทย กับกัมพูชา มีรากฐานมาจากความคลุมเครือของเส้นแบ่งเขตแดน จากสนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส พ.ศ. 2447 รวมถึงสนธิสัญญาสยาม–ฝรั่งเศส พ.ศ. 2450 แต่ภายหลังเมื่อกัมพูชาได้รับเอกราช และศาลโลก ได้มีคำพิพากษาเมื่อปี พ.ศ. 2505 ให้ปราสาทพระวิหารอยู่ในเขตอธิปไตยของกัมพูชา แต่พื้นที่โดยรอบ ยังคงเป็นข้อพิพาท และมีการสู้รบกันในช่วงปี พ.ศ.2551–54 ซึ่ง 2 ฝ่ายได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต ก่อนที่ศาลโลกยืนยันคำตัดสินอีกครั้งในปี 2556 กระทั่ง 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ก็เกิดการปะทะกันอีกครั้ง บริเวณสามเหลี่ยมมรกต หรือช่องบก
และสถานการณ์ชายแดนก็ตึงเครียดมากขึ้น กัมพูชา โดยนายกฯฮุน มาเนต ยื่นต่อศาลโลกอีกครั้ง เพื่อฮุบพื้นที่ตรงช่องบก และ 3 ปราสาทของไทย แต่ไทยประกาศไม่ยอมรับเขตอำนาจของศาลโลก มีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งผิดอนุสัญญาออตตาวา ก่อนเกิดเป็นการสู้รบครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา กัมพูชามีการโจมตีพลเรือน โรงเรียน และโรงพยาบาล ของไทย ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวา กระทั่งมีการเจจราหยุดยิง ระหว่าง "ภูมิธรรม เวชยชัย" รักษาการนายกฯของไทย กับ "ฮุน มาเนต" โดยมีมาเลเซียเป็นตัวกลาง มีจีน กับสหรัฐเป็นผู้สังเกตุการณ์ และมีการประชุมจีบีซี จนได้ 13 ข้อตกลง
อย่างไรก็ตาม 13 ข้อตกลง มีแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ลดความขัดแย้ง ลดการปะทะด้วยอาวุธกันเท่านั้น ไม่ได้มีความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาเขตแดน ที่ยืดเยื้อคาราคาซังมานานว่า 60 ปี แม้จะมีMOU 43 และ 44 เป็นกรอบในการหาทางออกร่วมกัน แต่ผ่านไปแล้วถึง 25 ปี ก็ยังไร้ซึ่งวี่แววของความสำเร็จ อีกทั้งปัญหาชายแดนไทยกัมพูชา ยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพการเมืองของไทยอย่างหนัก ซึ่งในเดือนนี้ ก็น่าจะมีความคืบหน้า หรือบทสรุปของคดีคลิปเสียง "แพทองธาร ชินวัตร"กับ"สมเด็จฮุนเซน" ซึ่งนับเป็นประเด็นสำคัญ และอาจเป็นต้นตอที่แท้จริง ของการปะทะตามแนวชายแดน ส่วนการเดินหน้าฟ้องเอาผิด ผู้นำกัมพูชา โจมตีพลเรือนไทย ทั้งต่อศาลไทย หรือต่อศาลระหว่างประเทศ และองค์กรนานาชาติ ก็อาจทำให้การแก้ปัญหาในอนาคตของไทยและกัมพูชา ยืดเยื้อต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
ติดตามเนื้อหาดีๆแบบนี้ได้ที่
Facebook: https://www.facebook.com/innnews.co.th
Twitter : https://twitter.com/innnews
Youtube : https://www.youtube.com/c/INNNEWS_INN
TikTok : https://www.tiktok.com/@inn_news
LINE Official Account : @innnews