รัฐบาลดัน “เงินอุดหนุนรายหัว” ศูนย์การเรียนทุกประเภท เข้า ครม.
วันนี้ (9 สิงหาคม 2568) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ (Thailand Zero Dropout) และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) การลงพื้นที่ป่าชุมชนบ้านปากลาง ต.ตะกุกใต้ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาให้กลายเป็นศูนย์ จ.สุราษฎร์ธานี
นายประเสริฐ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาล กำลังเร่งผลักดัน เงินอุดหนุนเด็กและเยาวชน ที่เรียนในสถานศึกษา ศูนย์การเรียนตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้เรื่องนี้สำเร็จหลังจากที่รอดำเนินการมา 10 กว่าปี
ส่วนการการขับเคลื่อนมาตรการแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษาในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ภายใต้ 4 มาตรการหลัก มีความคืบหน้าอย่างมาก โดยสามารถค้นหาเด็กและเยาวชนได้ครบ 16,279 คน หรือ 100% ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งต่อเข้าสู่ระบบการศึกษา การเรียนรู้แบบยืดหยุ่น และการพัฒนาตนเองให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
นายประเสริฐ กล่าวว่า การดำเนินงานครั้งนี้ขับเคลื่อนบนฐานความร่วมมือของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ ร่วมกับศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) เขตพื้นที่การศึกษา สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้จังหวัด (สกร.) สมัชชาการศึกษาจังหวัด เครือข่ายสถานศึกษา หน่วยจัดการศึกษา
รวมทั้งภาคประชาสังคม–เอกชนในพื้นที่ ทุกฝ่ายร่วมกันค้นหาและพัฒนาระบบการศึกษาและการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น ตามมาตรการที่ 3 ในการนำการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่นไปหาเด็กๆ ให้สอดคล้องกับเงื่อนไขและข้อจำกัดของชีวิต
โดยการจัดการศึกษาที่เกิดขึ้นผ่านหน่วยพัฒนาอาชีพหลากหลาย เช่น กลุ่มคนเลี้ยงผึ้ง (อ.วิภาวดี) วิสาหกิจชุมชนท่าสะท้อนฟาร์มเห็ด (อ.พุนพิน) ศูนย์สืบสานมโนราห์ปักษ์ใต้บ้านปากลัด (อ.เวียงสระ) กลุ่มยุวชนสร้างสรรค์สุราษฎร์ธานี (อ.เมือง) สมาคมสวนทุเรียนใต้ เครือข่ายโรงเรียนมือถือ (Mobile School) วัด
เช่นเดียวกับภาคเอกชนที่พร้อมจัดการเรียนรู้ให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงง่ายและมีคุณภาพ เปลี่ยนทุกที่เป็นโรงเรียนได้โดยทำงานร่วมกับ ศูนย์การเรียนมาตรา 12 , สกร. และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
นอกจากนี้ ยังมีการสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยการเชื่อมโยงกับศูนย์ดิจิทัลชุมชน ภายใต้การดูแลของกระทรวงดีอี ทำให้การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ ทุกเวลา เพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นกำลังสำคัญของจังหวัดสุราษฎร์ธานีอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องเงินอุดหนุนเด็กและเยาวชนที่เรียนในสถานศึกษา ศูนย์การเรียนตามมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542
“วันนี้ ได้ผลักดันจนอยู่ระหว่างเตรียมเรื่องเข้าคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เรื่องนี้สำเร็จหลังจากที่รอดำเนินการมา 10 กว่าปี ซึ่งปัจจุบัน มีเพียงการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานในศูนย์การเรียนสถานประกอบการที่จัดสายอาชีวศึกษาเท่านั้นที่ได้รับการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัวแก่ผู้เรียน”
ขณะที่ศูนย์การเรียนประเภทอื่น ยังไม่มีระเบียบใด ๆ ออกมาสนับสนุนการจัดสรรเงินอุดหนุนรายหัว และสิทธิประโยชน์แก่ผู้เรียน เช่น การได้รับอาหารเสริมนม อาหารกลางวัน อุปกรณ์การเรียนการสอน เสื้อผ้า/ยูนิฟอร์ม การได้รับวัคซีน การตรวจสุขภาพจากสถานพยาบาล
“รัฐบาลเห็นความสำคัญของ พลังระดับพื้นที่และพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการเรียนรู้ เช่น ศูนย์ดิจิทัลชุมชน และระบบสนับสนุนอื่น ๆ รวมถึงการสร้างกลไกเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้ หน่วยกิตทางการศึกษา และการพัฒนาอาชีพ ให้สามารถเดินหน้าควบคู่กันได้”