1 ชนิดกีฬาที่ทำคนเสียชีวิตมากที่สุด แต่ยังมีคนนิยมที่สุด
การวิ่ง หรือจ็อกกิง ถือเป็นกีฬายอดนิยมที่ทุกเพศทุกวัยชื่นชอบ เพราะทำได้ง่าย ประหยัด และให้ประโยชน์มากมาย ทั้งเพิ่มความอึด กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ควบคุมน้ำหนัก ลดความเครียด และเสริมสร้างหัวใจให้แข็งแรง
อย่างไรก็ตาม แม้จะดีต่อสุขภาพ แต่หากวิ่งผิดวิธีหรือฝืนร่างกายเกินไป อาจเสี่ยงถึงชีวิต โดยเฉพาะภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
ดร.หว่าง ซวน ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจจากไต้หวัน เปิดเผยว่า 34% ของผู้เสียชีวิตขณะเล่นกีฬา มาจากการวิ่ง ซึ่งสูงกว่าฟุตบอลและบาสเกตบอล
ข้อมูลจากนิตยสาร New England Journal of Medicine ระบุว่า ระหว่างปี 2000 - 2010 ในสหรัฐฯ พบผู้เสียชีวิตจากหัวใจหยุดเต้นกะทันหันในกลุ่มนักวิ่งมาราธอนและฮาล์ฟมาราธอน 42 คน โดยส่วนใหญ่เป็นชายอายุเฉลี่ย 42 ปี
ทำไมวิ่งจึงเสี่ยงหัวใจหยุดเต้น?
ดร.หว่าง อธิบายว่า มี 2 สาเหตุหลัก โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน คือ
ร่างกายขาดน้ำและเกลือแร่
การเสียเหงื่อมากขณะวิ่งในสภาพอากาศร้อน หากไม่ได้ดื่มน้ำหรือเติมเกลือแร่เพียงพอ อาจทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ กล้ามเนื้อกระตุก ความดันตก หรือหัวใจหยุดเต้น
โรคหัวใจแฝงที่ไม่รู้ตัว
บางคนมีโรคหัวใจโดยไม่รู้ เช่น โรคหัวใจแต่กำเนิด หรือไฟฟ้าหัวใจผิดปกติ เมื่อออกแรงหนักโดยเฉพาะกลางแดดจัด อาจกระตุ้นให้หัวใจเต้นผิดปกติ หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน และเสียชีวิต
นอกจากนี้ กรดแลกติกที่สะสมจากการออกแรงหนักเกินไป อาจขัดขวางการทำงานของหัวใจ
สัญญาณเตือนขณะวิ่งที่ควรหยุดทันที
กระหายน้ำมากผิดปกติ ปากแห้ง ลิ้นติด คอแสบ
เวียนหัว หน้ามืด สับสน มองไม่ชัด เดินเซ ทรงตัวลำบาก
หัวใจเต้นผิดจังหวะ แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก หายใจไม่ออก
แม้จะมีความเสี่ยง แต่การวิ่งยังคงเป็นกีฬาที่ดี หากรู้วิธีป้องกัน เช่น ตรวจสุขภาพประจำปี หลีกเลี่ยงวิ่งตอนแดดจัด ดื่มน้ำเพียงพอ ไม่กินอิ่มจัดหรือดื่มกาแฟ/แอลกอฮอล์ก่อนวิ่ง และฟังเสียงร่างกายอย่างใกล้ชิด
สรุปได้ว่า การวิ่งไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากทำผิดวิธีอาจถึงขั้นเสียชีวิตเฉียบพลัน แต่ถ้าระมัดระวังและมีวินัย วิ่งก็เป็น “ยาวิเศษ” ที่ดีต่อสุขภาพอย่างปลอดภัย
ข้อมูลจาก soha