โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

เขมรโกงนานาชาติ รับเงินกู้กับระเบิดมาทำ ร้ายไทยโดนไปอีก3นาย/ค้นภูมะเขือเจอเพียบ!

ไทยโพสต์

อัพเดต 10 สิงหาคม 2568 เวลา 4.52 น. • เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ทหารไทยเหยียบกับระเบิดเขมร บาดเจ็บอีก 3 นาย รื้อภูมะเขือพบความเลวทรามของทหารเขมร เจอทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 จำนวน 18 ทุ่น ลูกจรวด RPG อีกจำนวนมาก กระทรวงการต่างประเทศประณามอย่างรุนแรง เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรยูเอ็น ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา เป็นอุปสรรคอย่างร้ายแรงต่อการดำเนินการตามมาตรการหยุดยิง ขณะที่เพจของกองทัพบกแฉ เขมรโกงเงินนานาชาติ! เคยเจ็บจากทุ่นระเบิด แต่ละเมิดออตตาวา รับเงินมาทำลาย แต่แอบใช้กับไทย

เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2568 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า วันที่ 9 ส.ค.68 เวลา 10.00 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 กรณีกำลังพลของหน่วยกองร้อยทหารราบที่ 111 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนเส้นทางเพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่รอยต่อบ้านโดนเอาว์-บ้านกฤษณา จ.ศรีสะเกษ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ได้แก่ 1.จ่าสิบเอกธานี พาหา ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ป้องกัน บาดเจ็บรุนแรง ข้อเท้าซ้ายท่อนล่างขาด 2.พลทหารภาคภูมิ ไชยสุระ ตำแหน่งพลปืนเล็ก บาดเจ็บบริเวณแขนและด้านหลัง และ 3.พลทหารธนันชัย ไกรวงค์ ตำแหน่งพลปืนเล็ก ได้รับแรงอัดและบาดเจ็บบริเวณแก้วหู

พล.ต.วินธัยกล่าวต่อว่า ผู้บาดเจ็บทั้งหมดได้รับการปฐมพยาบาลในพื้นที่ และนำส่งโรงพยาบาลทหารภาคสนามทันที โดยได้ส่งต่อจ่าสิบเอกธานี พาหา ไปยังโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งจากเหตุการณ์ดังกล่าวอาจทำให้สังคมภายในประเทศและในสังคมโลกทั่วไปเข้าใจได้ว่า การใช้อาวุธต่อกันยังคงมีอยู่ เป็นลักษณะของการพยายามที่จะใช้อาวุธต่อกันในแบบซ่อนรูป สิ่งนี้อาจนับเป็นอุปสรรคที่สำคัญต่อการดำเนินการในมาตรการหยุดยิง และการแก้ไขปัญหาในแบบสันติวิธี รวมถึงแสดงถึงว่าที่ผ่านมา กัมพูชาเป็นฝ่ายริเริ่มในการใช้อาวุธก่อนมาตลอด ด้วยหลักฐานเชิงประจักษ์

โฆษกกองทัพบกกล่าวต่อว่า นอกจากนี้เมื่อวันที่ 4 ส.ค.68 หน่วยทหารช่างได้เข้าดำเนินการทำพื้นที่ให้ปลอดภัย และเสริมความมั่นคงในบริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเคยเป็นที่มั่นของฝ่ายทหารกัมพูชา จากการตรวจสอบพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 จำนวน 18 ทุ่น แบ่งเป็นจำนวน 16 ทุ่น บรรจุอยู่ในกระสอบ ยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมระเบิด จำนวน 2 ทุ่นวางแบบเร่งด่วนโดยไม่ฝังกลบ บริเวณรอบบ่อน้ำ อยู่ในสภาพพร้อมระเบิด หน่วยทหารช่างได้ดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดทั้ง 18 ทุ่นเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ ยังพบลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดและลูกจรวด RPG จำนวนมาก ซึ่งจากหลักฐานดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวาของฝ่ายทหารกัมพูชาอย่างชัดเจน

ประณามอย่างรุนแรง

ขณะที่ กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่เมื่อวันที่ 9 ส.ค.2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 111 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนในดินแดนของไทยในพื้นที่บริเวณรอยต่อโดนเอาว์-กฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเรียบร้อยแล้ว ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น หลักฐานทุ่นระเบิดที่พบสอดคล้องกับผลการตรวจสอบการพบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกองทัพบก่อนหน้านี้ว่าเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ ดังนั้นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่นี้ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และนับเป็นครั้งที่ 3 ที่กองกำลังไทยประสบเหตุการณ์เช่นนี้ในเวลาเพียงไม่ถึง 1 เดือนจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และเป็นการละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) อย่างชัดเจน ไทยอยู่ระหว่างการมีหนังสือประท้วงเรื่องดังกล่าวไปยังกัมพูชาและประธานอนุสัญญาฯ

การกระทำดังกล่าวเป็นอุปสรรคอย่างร้ายแรงต่อการดำเนินการตามมาตรการหยุดยิงที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ วันที่ 7 ส.ค.2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ไทยจึงขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาหยุดการกระทำที่ละเมิดอนุสัญญาฯ โดยทันที และให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันภายในกรอบทวิภาคี และตามที่ฝ่ายไทยได้เสนอต่อที่ประชุม GBC ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ตอบสนอง

กัมพูชาโกงเงินนานาชาติ

เฟซบุ๊กเพจ “กองทัพบก ทันกระแส” โพสต์ข้อความระบุว่า “กัมพูชาโกงเงินนานาชาติ! เคยเจ็บจากทุ่นระเบิด แต่ละเมิดออตตาวา รับเงินมาทำลาย แต่แอบใช้กับไทย”

“กัมพูชาถูกมองว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากทุ่นระเบิดรุนแรงที่สุดในโลก ผลพวงจากยุคเขมรแดง และสงครามกลางเมืองตลอดทศวรรษ 1970-1990 ทำให้ทั่วประเทศเต็มไปด้วยทุ่นระเบิด โดยเฉพาะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเคยเป็นสมรภูมิสำคัญ”

“เพื่อแก้ไขปัญหานี้ กัมพูชาได้เข้าร่วม อนุสัญญาออตตาวา (Ottawa Convention) เมื่อปี พ.ศ.2542 ซึ่งมีข้อห้ามในการผลิต ใช้ เก็บรักษา และส่งออกทุ่นระเบิดสังหารบุคคล พร้อมพันธกรณีที่จะต้องกำจัดทุ่นระเบิดในดินแดนของตน และช่วยเหลือผู้ประสบภัย”

“ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กัมพูชาได้รับเงินสนับสนุนจากนานาชาติอย่างต่อเนื่อง เช่น สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และองค์การสหประชาชาติ ผ่านโครงการกำจัดทุ่นระเบิดและช่วยเหลือเหยื่อ อาทิ การสนับสนุนให้ CMAC (Cambodian Mine Action Centre) โดยมีนายเฮง รัตนา เป็นผู้อำนวยการ และโครงการ “Clearing for Results” ของ UNDP เงินทุนเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยง เพิ่มความปลอดภัย และฟื้นฟูพื้นที่ทำกินของประชาชน”

“จากข้อความดังกล่าวกัมพูชาดูเป็นประเทศที่น่าสงสารใช่ไหมครับ แต่ไม่เลย”

“จากสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา ล่าสุดกัมพูชายังคงมีการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 เป็นผลทำให้กำลังพลไทยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียอวัยวะถึง 3 นาย (ก่อนการปะทะ 2 นาย หลังการปะทะ 1 นาย)”

“แม้นายเฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) จะออกมาปฏิเสธเสมอว่ากัมพูชาไม่ได้มีการใช้ทุ่นระเบิด ที่พบเจอนั่นคือของไทยเพราะอยู่ในเขตประเทศไทย แต่คำปฏิเสธนี้ดันขัดกับ พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ที่ออกมาบอกว่า ทุ่นระเบิดนั้นเป็นของเก่าและฝังอยู่ในเขตกัมพูชา แต่ภาพล่าสุดเมื่อ 31 ก.ค.68 ที่สื่อกัมพูชาได้ถ่ายลง ณ ปราสาทตาควายนั้นเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้อย่างดีเลยว่า กัมพูชายังคงใช้ทุ่นระเบิดอยู่”

“แม้การประชุม GBC เพื่อคลี่คลายสถานการณ์การปะทะจะสิ้นสุดไปแล้ว แต่หนึ่งในข้อที่ไทยเรียกร้องนั่นคือ ขอให้กัมพูชาจัดการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งกัมพูชาเองไม่ตอบรับ อาจจะเป็นเพราะกัมพูชาพยายามโกหกในนานาชาติว่าตนเองไม่ได้ใช้ทุ่นระเบิด”

กัมพูชาโกหกต่อนานาชาติ

“สุดท้ายนี้กัมพูชายังคงโกหกต่อนานาชาติเรื่อยๆ ว่าตนเองไม่ได้ใช้ทุ่นระเบิด และยังคงรับเงินจากนานาชาติเพื่อเก็บกู้ เป็นสิ่งที่บอกนานาชาติได้อย่างดีเลยว่า กัมพูชายังคงโกงเงินทุกประเทศ ทุกๆ ช่องทางที่มีโอกาส สมกับเป็นประเทศ Scambodia”

“ทุ่นระเบิดแม้อาจจะได้เปรียบในสนามรบระยะสั้น แต่ส่งผลต่อประชาชนในระยะยาว”

ที่กองบินตำรวจ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ข้อมูลอ้างว่าทหารไทยใช้หนังสติ๊กยิงยั่วยุทหารกัมพูชา อาจนำไปสู่การใช้อาวุธหนักในการตอบโต้จนอาจจะกลายเป็นสงครามใหญ่อีกครั้งว่า ยังไม่ทราบในเรื่องของข้อเท็จจริง ขอไปดูรายละเอียดก่อน ซึ่งวันนี้เราขอให้มีความจริงจังจริงใจในการแก้ปัญหา

เรื่องการใช้หนังสติ๊กเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น รักษาราชการแทนนายกฯ กล่าวว่า เราไม่ทราบ ทุกฝ่ายต้องไปตรวจสอบคนของตัวเอง หากอะไรที่เป็นปัจจัยที่จะทำให้เกิดความไม่สบายใจต่อกันหรือเป็นเงื่อนไขก็ไม่ควรทำ แต่เราเข้มงวดคนของเราอยู่แล้ว พร้อมเชื่อว่าคนของเรามีวินัย

ส่วนจะมีการสั่งให้ผู้บังคับบัญชาไปตรวจสอบว่าคนของเรามีการใช้หนังสติ๊กจริงหรือไม่ นายภูมิธรรมเผยว่า ผู้บังคับบัญชาก็จะไปดูข้อเท็จจริง และก็จะมีการพูดคุยกันได้ น่าจะไม่มีปัญหา

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า จะมีการแถลงตอบโต้ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะอาจจะถูกนำไปบิดเบือนและเผยแพร่ต่อนานาชาติ นายภูมิธรรมระบุว่า ก็ต้องดูไปตามสถานการณ์ว่ามีการพูดไปมากแค่ไหน พูดไปไกลอย่างไร ไม่ใช่เราจะโต้ทุกประเด็น ไม่เช่นนั้นจะคุยกันไม่ได้

ด้าน พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงการที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาโพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2025 อ้างถึงกรณีที่พลเอกรัด ดารารัด รมช.กห.กัมพูชา ได้พบนายลอยด์ กิลเลตต์ ผู้แทนคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) และฝ่ายกัมพูชา กล่าวอ้างไทยควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นายอย่างผิดกฎหมายหลังข้อตกลงหยุดยิงว่า การควบคุมทหารกัมพูชาทั้ง 18 นายนั้น เป็นไปตามหลักกฎหมายสากล ที่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองตามกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาเจนีวา ไม่ใช่การควบคุมตัวอย่างผิดกฎหมายตามที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้โพสต์บิดเบือน

ทั้งนี้ การถูกควบคุมตัวดังกล่าว จำเป็นต้องคงไว้ จนกว่าสถานการณ์การหยุดยิงจะมีความสมบูรณ์เป็นรูปธรรมที่ชัดเจนแล้วเป็นหลัก ทั้งนี้ เพื่อทั้งหมดจะไม่หวนกลับมาทำการสู้รบกับฝ่ายไทยอีก ซึ่งเป็นไปตามแนวทางหลักสากล.

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

ทักษิณ เสี่ยงนับโทษใหม่ ศาลรธน.คดีอิงค์ รอดยาก ชิงลาออกก่อนวันลงมติ?

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สิ่งที่หยั่งรากอยู่ใน‘อุปนิสัย’ของ‘สมเด็จฮวยเซ็ง’!!!

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...