โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

ทักษิณ เสี่ยงนับโทษใหม่ ศาลรธน.คดีอิงค์ รอดยาก ชิงลาออกก่อนวันลงมติ?

ไทยโพสต์

อัพเดต 10 สิงหาคม 2568 เวลา 6.23 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สำหรับนายทักษิณที่เหลือจริงๆ หากพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ก็เหลือตรงจุดที่ว่าศาลฎีกาฯจะสั่งให้กลับไปอยู่ในเรือนจำหรือไม่ เพราะว่าเรื่องใหญ่คือ ความเห็นทางการแพทย์มันไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้คำสั่งของกรมราชทัณฑ์มีปัญหาเลยกับการรักษาตัวชั้น 14 ก็เหลือเพียงแค่ลุ้นว่าศาลฎีกาฯจะสั่งอย่างไร…คดีนายกฯแพทองธาร..หากเดินหน้าไป โอกาสรอดก็น้อย พูดตรงๆ ผมพูดไว้ก่อนในฐานะนักวิชาการด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ ไม่เห็นด้วยนักกับการที่ศาลรธน.มีอำนาจมากเกินไปในการปลดนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าว่าตามข้อกฎหมายที่มีตามรัฐธรรมนูญ และแนวทางปฏิบัติตามอำนาจศาลรธน.ดูแล้วรอดยาก

กรณีคดีสำคัญทางการเมือง ของ”สองพ่อลูกตระกูลชินวัตร” คือ ทักษิณ ชินวัตร ในคดีตกเป็นจำเลยในคดีมาตรา 112 ที่ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา 22 ส.ค.และคดีไต่สวนชั้น 14 รพ.ตำรวจที่ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำสั่ง-ผลการไต่สวนวันที่ 9 ก.ย. กับคดีของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีคลิปเสียงฯ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าผลคำตัดสิน-คำวินิจฉัยคดีของ “ทักษิณ-แพทองธาร”จะส่งผลทางการเมืองต่อรัฐบาลเพื่อไทยโดยเฉพาะหากผลออกมาในทาง”เป็นลบ-ไม่เป็นคุณ”

มีความเห็นเชิงวิชาการจากนักกฎหมายที่มีมุมมองต่อเรื่องนี้ โดย“ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์”

เริ่มที่เมื่อถามถึง ความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล จนถึงขณะนี้ประเมินว่ารัฐบาลจะบริหารประเทศต่อไปได้หรือไม่ “ผศ.ดร.ปริญญา”ให้ทัศนะว่าก็ยากขึ้นเรื่อยๆ แต่หากแค่ประคองก็พอไปได้ แต่จะสร้างผลงานอะไร ก็ลำบากอยู่มาก เพราะมีเรื่องใหญ่คือปัญหากัมพูชา เพราะว่าเรื่องคลิปเสียงหลุดต่อให้เป็นความผิดของกัมพูชา ที่ฮุน เซน นำคลิปมาปล่อยที่ผิดมารยาท แต่สิ่งที่พูดในคลิปทำให้ แพทองธาร นายกรัฐมนตรีประสบปัญหาเรื่องความเชื่อมั่น แม้นายภูมิธรรม เวชยชัย จะเป็นรักษาการนายกฯแต่ด้วยความใกล้ชิด หรือการที่นายทักษิณ มีบทบาทอย่างแท้จริงในพรรคเพื่อไทย ทำให้ปัญหามาถึงนายภูมิธรรมด้วย ซึ่งหากจะเอาแค่การประคับประคอง ก็พอได้อยู่ เพราะเสียงส.ส.ในสภาฯยังเกินครึ่งอยู่ และร่างพรบ.ฉบับใดที่มีปัญหาความเสี่ยงก็จะไม่เสนอ เพราะเสียงส.ส.ที่มีอยู่มันปริ่มน้ำ ก็ไม่เสี่ยงที่จะเสนอเข้าสภาฯ แต่ปัญหาคือตอนนี้รัฐบาลมีปัญหาสองเรื่องสำคัญ

.เรื่องแรกก็คือ คดีความของนายทักษิณ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งผลการไต่สวนวันที่ 9 ก.ย.(กรณีชั้น 14 รพ.ตำรวจ) เพื่อจะมีคำสั่งว่า ตามหมายจำคุกของศาลฎีกาฯ ที่ให้จำคุกนายทักษิณเป็นเวลาแปดปี และต่อมาได้รับพระราชทานลดโทษเหลือหนึ่งปี และต่อมามีการพักโทษเพราะอายุเกินเจ็ดสิบปี หลังครบกำหนดการรับโทษ180วัน แต่180วันดังกล่าวตามข้อเท็จจริงคือไม่ได้อยู่ในเรือนจำ ศาลฎีกาฯจึงทำการไต่สวนว่าเหตุใดจึงไม่ทำตามหมายจำคุก คือการอยู่ในเรือนจำ ที่ศาลฎีกาฯ ไต่สวนเสร็จแล้ว ก็จะมีคำสั่งในวันที่ 9 ก.ย.

แนวโน้มของคำสั่งจะเป็นอย่างไร พอคาดการณ์ได้ส่วนหนึ่ง การที่กรมราชทัณฑ์จะอนุญาตให้ผู้ต้องขังคนหนึ่งคนใดออกไปทำการรักษาตัวนอกเรือนจำ จะต้องอาศัยความเห็นทางการแพทย์เป็นหลัก โดยการส่งตัวออกมานอกเรือนจำตามอาการ จะมีสองแบบ คือหนึ่ง หากยังคงให้รักษาอาการอยู่ในสถานพยาบาลของเรือนจำ อาการจะไม่ทุเลา สอง เป็นโรคเฉพาะทางที่บุคลากรทางการแพทย์ของเรือนจำไม่มี หากเข้าเหตุในข้อใดข้อหนึ่งของสองข้อดังกล่าว ก็ส่งตัวมาข้างนอกได้

กรณีนี้ แพทย์ที่ให้ความเห็น ก็เป็นการให้ความเห็นล่วงหน้า เซ็นไว้ล่วงหน้า ที่ต่อมาถูกแพทยสภาเตือน ส่วนแพทย์อีกสองคน ตอนที่มีการขยายเวลาสองครั้ง(ขยายเวลาให้นายทักษิณพักรักษาตัวที่รพ.ตำรวจ) คือ ครบกำหนดสามสิบวัน กับครบกำหนดหกสิบวัน ที่เป็นอำนาจของอธิบดีกรมราชทัณฑ์โดยความเห็นทางการแพทย์ ซึ่งแพทยสภาก็ลงมติ พักการใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ แม้รมว.สาธารณสุข จะวีโต้ แต่แพทยสภาก็ลงมติยืนยันการลงโทษดังกล่าวด้วยมติเกินสองในสาม โดยเหตุผลที่ลงโทษคือให้ความเห็นทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

ผศ.ดร.ปริญญา”ชี้ว่า จุดนี้เลยเป็นเรื่อง เพราะการที่แพทยสภาลงมติว่ามีการให้ความเห็นทางการแพทย์ที่ไม่ตรงข้อเท็จจริงแล้วอธิบดีกรมราชทัณฑ์ไปอนุญาตให้รักษาตัวได้ต่อ มันก็เป็นประเด็น

การที่นายทักษิณไม่อยู่ในเรือนจำตลอด 180 วัน ก็เป็นประเด็นว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และการที่นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯไปให้ศาลฎีกาฯไต่สวนแทนคุณทักษิณ คือนายทักษิณไม่ได้ไปเอง หรือการที่ศาลฎีกาฯไม่ได้มีการไต่สวนนายทักษิณ ความจริงแล้ว นายทักษิณ ก็อาจต่อสู้ได้ว่า ได้ใช้สิทธิตามพรบ.ราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ตามมาตรา 55 และใช้สิทธิตามกฎกระทรวงว่าด้วยการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำที่ออกมาในปี พ.ศ. 2563 ว่าตัวเองมีสิทธิรักษาตัวนอกเรือนจำ จึงใช้สิทธิดังกล่าว แต่การอนุญาตหรือไม่ เป็นเรื่องของราชทัณฑ์ เมื่อมีการอนุญาต ผิดหรือถูก ก็เป็นเรื่องของราชทัณฑ์ โดยบอกว่าผมเป็นผู้ป่วยที่สุจริต แต่ทีนี้ ปรากฏว่าไม่เห็นข้อต่อสู้อะไรตรงนี้ การที่ศาลฎีกาฯ ไม่ได้เรียกนายทักษิณ ไปไต่สวน แปลว่าอะไร

-เพราะศาลฎีกาฯมีข้อมูลครบแล้ว?

ทำนองนั้น คือในทางการพิจารณาคดี หากศาลฎีกาฯไม่ไต่สวนอะไรเลย เพราะศาลฯเห็นว่ามีข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพียงพอแล้ว ศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาได้เลย มันเป็นแบบนั้น ผมเลยคิดว่า เรื่องของการมีคำสั่งวินิจฉัยว่าการจำคุกหรือการไม่ปฏิบัติตามหมายจำคุกตลอด 180 วันมีความไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็เหลือลุ้นแค่เรื่องเดียวว่า ศาลฎีกาฯจะสั่งอย่างไร จะสั่งให้นายทักษิณกลับไปจำคุกหรือว่าถ้าเป็นอย่างนั้น กรมราชทัณฑ์จะสามารถใช้ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการกักขังนอกเรือนจำได้หรือไม่ ที่เป็นระเบียบกรมราชทัณฑ์ที่เพิ่งออกมาใหม่ ตรงนี้ต้องติดตามดู แต่พูดเร็วๆได้ว่าแนวโน้มไม่น่าจะเป็นคุณกับนายทักษิณเท่าใด

ส่วนคดีที่ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาคดีที่นายทักษิณ ตกเป็นจำเลยในคดีมาตรา 112 วันที่ 22 ส.ค. แต่การที่นายทักษิณไปพูดก่อนหน้านี้ว่า หลังวันที่ 22 ส.ค. ก็หมดเรื่องแล้ว อันนี้ดูจะเป็นความมั่นใจแบบแปลกๆ ที่ก็ต้องรอฟังผลคำพิพากษาของศาลอาญาวันที่ 22 ส.ค. จะออกมาอย่างไร แต่ที่เห็นแล้วก็คือวันที่ 9 ก.ย. ที่แนวโน้มไม่น่าจะดีเท่าใดกับนายทักษิณ

"สำหรับนายทักษิณที่เหลือจริงๆ หากพูดตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ก็เหลือตรงจุดที่ว่าศาลฎีกาฯจะสั่งให้กลับไปอยู่ในเรือนจำหรือไม่ เพราะว่าเรื่องใหญ่คือ ความเห็นทางการแพทย์มันไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ก็ทำให้คำสั่งของกรมราชทัณฑ์มีปัญหาเลยกับการรักษาตัวชั้น 14 ก็เหลือเพียงแค่ลุ้นว่าศาลฎีกาฯจะสั่งอย่างไร"

..ส่วนคดีนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตรที่ศาลรัฐธรรมนูญ(คดีคลิปเสียงฮุน เซน) ที่ครบกำหนดการให้ผู้ถูกร้องนายกรัฐมนตรีส่งเอกสารคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ไปแล้วเมื่อ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ศาลรธน.คงไม่ใช้เวลานานเพราะข้อเท็จจริงมันน้อย ประเด็นข้อกฎหมายมันก็มีแนวคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะโดนร้องประเด็นเดียวกันคือเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งคดีนี้ ศาลรธน.พิจารณาให้เร็วได้ หรือช้าได้ อยู่ที่การลงมติของศาลรธน. ถ้าตุลาการศาลรธน.เสียงข้างมาก เห็นว่ามีข้อเท็จจริงเพียงพอต่อการพิจารณาก็ลงมติได้เลย เพราะวิธีการตัดสินของศาลรธน.ไม่เหมือนกับศาลปกติ ใช้คำว่าไม่เหมือนศาลเลยก็ยังพูดได้ เพราะว่าใช้การลงมติเอา ผมก็ดูแล้ว ก็อาจจะนัดลงมติมาใกล้ๆกัน(กับคดีทักษิณ) อาจจะปลายสิงหาคม อันนี้กรณีอย่างเร็ว หรืออาจจะต้นเดือนกันยายน ก็ใกล้ๆกับคดีของนายทักษิณ

-คิดว่าคดีของสองพ่อลูก คดีใดจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล?

ทั้งสองคดีเลย มันไปด้วยกัน เพราะคุณแพทองธาร ก็เป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าพ้นตำแหน่ง ก็ต้องเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่หากเห็นว่าโอกาสรอดมีน้อย ก็เป็นไปได้ที่จะบอกให้แพทองธารลาออก เพราะหากลาออกจากตำแหน่งก่อน ก็จะเหมือนกับเช่นกรณีนายพิชิต ชื่นบาน อดีตรมต.สำนักนายกรัฐมนตรีที่ศาลรธน.ก็ไม่รับคำร้องไว้(คดีอดีตสว.ชุดที่แล้วยื่นคำร้องถอดถอนายเศรษฐา ทวีสิน กับนายพิชิต ชื่นบาน แต่นายพิชิต ชิงลาออกจากรมต.สำนักนายกรัฐมนตรีก่อนศาลรธน.รับคำร้องไว้วินิจฉัย) ซึ่งหากเดินหน้าไป โอกาสรอดก็น้อย พูดตรงๆ ทั้งนี้ผมก็พูดไว้ก่อนในฐานะนักวิชาการด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ ก็ไม่เห็นด้วยนักกับการที่ศาลรธน.มีอำนาจมากเกินไปในการปลดนายกรัฐมนตรี

" แต่ถ้าว่าตามข้อกฎหมายที่มีตามรัฐธรรมนูญ และแนวทางปฏิบัติตามอำนาจศาลรธน.ดูแล้วรอดยาก"

เพราะดูจากมติของตุลาการศาลรธน.ที่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็นนายกรัฐมนตรี 7 ต่อ 2 โดยในส่วนของ 2 เสียง ก็ไม่ได้ลงมติว่าไม่ให้หยุดฯแต่ให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในบางหน้าที่คือความมั่นคง การคลังและต่างประเทศ ซึ่งมันก็เกินครึ่งของอำนาจนายกฯไปแล้ว โอกาสที่จะได้ 5 เสียงของตุลาการศาลรธน.ที่บอกว่าจะพลิกกลับมาทำให้ไม่ต้องพ้นตำแหน่ง ต้องบอกว่าไม่ง่าย

"พูดสรุปเลยก็มีโอกาสมากที่จะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะมาด้วยการที่ศาลรัฐธรรมนูญปลดหรือว่าแพทองธาร ชิงลาออกก่อน แค่นั้นเอง"

-คิดว่านายกฯแพทองธาร จะชิงลาออกก่อนหรือไม่ เพื่อเซฟตัวเอง?

คำถามนี้ต้องไปสัมภาษณ์คุณทักษิณ แต่คุณทักษิณก็คง แต่ด้วยความที่เป็นแนวชอบดีล แม้ว่าคุณทักษิณจะไม่ยอมรับก็ตาม แต่เราก็ทราบว่านายทักษิณ ชอบดีล อาจจะคิดว่า พอดีลได้ ถ้าเห็นแน่ๆ คือว่า ห้าคน(ตุลาการศาลรธน.)มันไม่ง่าย ที่จะได้ห้าเสียงขึ้นไปมาบอกว่าคุณแพทองธารไม่ผิด ผมคิดว่าไม่ง่าย แต่ถ้าถามว่า แบบไหน จะดีกับคุณแพทองธาร มากกว่า คิดแบบนี้ อันนี้ไม่ใช่คำแนะนำผม ผมก็พูดให้ฟังว่ามันมีข้อดี ข้อเสีย ที่หากคุณแพทองธารและผู้เกี่ยวข้องฟังอยู่ ก็สุดแท้แต่จะพิจารณา คือหากว่าต้องไปอยู่แล้ว คิดว่าวิธีไหนดีกว่ากัน เพราะหากให้ศาลรธน.สั่งออกหรือปลดออก ก็จะกลายเป็นพ้นจากตำแหน่งเพราะขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ แล้วปัญหาคือก็จะขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (4) ก็จะกลับไปเป็นรัฐมนตรีต่อไปไม่ได้ในอนาคต

ดังนั้น ถ้าชิงลงมือเสียก่อน แล้วศาลรธน.ยึดตามแนวทางเดิม อย่างกรณีนายพิชิต ชื่นบาน เพราะเป็นการร้องเพื่อให้พ้นจากตำแหน่ง แต่เมื่อผู้ถูกร้องพ้นตำแหน่งไปแล้ว ก็ไม่ต้องมีคำสั่งอีก แล้วคราวหน้ากลับมาใหม่ จะถูกร้องอีก ก็ค่อยไปว่ากันอีกที ถ้าผมถามว่าวิธีไหนฉลาดกว่า

-ก็ลาออกก่อน?

ก็น่าจะเป็นชิงลงมือก่อน แต่เราก็ไม่ทราบได้ว่า นายทักษิณจะมีเหตุผลอะไรในการตัดสินใจ แต่ผมมองว่าโอกาสจะชิงลาออกก่อนน่าจะมีมากกว่า ก็ต้องดูนายทักษิณว่าจะตัดสินใจด้วยเหตุผลใด เพราะบางครั้งนายทักษิณก็ตัดสินใจในทางที่เราไม่เข้าใจอยู่บ่อย

-หากมีนายกฯคนใหม่ จะอยู่ได้นานหรือไม่ จะลากไปถึงเมื่อใด?

เลือกตั้งใหม่อยู่แล้วต้นปีหน้า อย่างเร็วอาจจะปลายปีนี้ด้วยซ้ำ คือผมหมายถึงว่าปีหน้าเลือกตั้งแน่ จะช้าจะเร็วเพราะว่าหากรัฐบาลเพื่อไทยบอบช้ำมาก แล้วมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แล้วคู่แข่ง สมมุติเป็นนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยที่มาจากฝั่งฝ่ายค้าน กับนายชัยเกษม นิติศิริ จากฝั่งรัฐบาล ทางฝั่งเพื่อไทยเพลี่ยงพล้ำจากปัญหากัมพูชา ยังตีตื้นไม่ได้ เพียงแค่พรรคประชาธิปัตย์หนึ่งพรรค หรือครึ่งพรรค จากรวมไทยสร้างชาติ หรือชาติพัฒนามาสิบเสียง ขั้วก็พลิกเลย

จุดสำคัญอยู่ตรงนี้ที่นายทักษิณคงคิดออกแล้ว คือพรรคประชาชนบอกว่าจะโหวตให้กับคนที่จะยุบสภาให้มีการเลือกตั้งปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า คือภายในหกเดือน ซึ่งหากหกเดือนก็คือต้นปีหน้า แต่จะไม่ร่วมรัฐบาล ก็แปลว่าโควต้ารัฐมนตรีของพรรคประชาชน อย่างน้อยก็ 18 คน ก็ทำให้จากเดิมส.ส.6-7 คนได้หนึ่งเก้าอี้ ก็จะเหลือแค่ประมาณ 3 คนได้หนึ่งเก้าอี้ ก็เป็นเรื่องที่จูงใจอย่างน้อยเป็นหกเดือน แต่หากอยู่กับเพื่อไทยจะอยู่ถึงหกเดือนหรือไม่ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ทำให้มีแรงจูงใจให้กับฝั่งที่เรียกว่าจะมาโหวตให้นายอนุทิน แต่ก็ต้องดูอีกว่า พรรคประชาชนจะมีข้อต่อรองอะไรอีกหรือเปล่า ในจุดที่นายอนุทินหรือพรรคอื่นจะรับได้ ส่วนฝั่งนายทักษิณหากมองตรงนี้อออก ก็ต้องสู้ ดังนั้น นายชัยเกษม ก็ต้องประกาศยุบสภาเหมือนกัน หากเป็นแบบนี้ข้อได้เปรียบของนายอนุทินจะหมดไป เพราะไม่ว่าจะโหวตให้ทางไหน พรรคประชาชนก็ไม่ร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว อันนี้ก็เป็นไปได้

อีกอันก็คือฝั่งเพื่อไทย ก็พลิกเอาคนอื่นเข้ามาที่ไม่ใช่นายชัยเกษม ก็ยังมีในรัฐบาล ก็ยังเหลือเช่นนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่นายพีระพันธุ์ก็มีปัญหาภายในพรรค เพราะความจริงก็เหลือแค่ครึ่งพรรค หรือประชาธิปัตย์ก็มีปัญหาอีกเพราะนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ ก็คุมพรรคไม่ได้แล้ว หรือจะไปอีกไกลที่มีบางสายวิเคราะห์กันคือเอาลุงตู่กลับมา(พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) อันนี้ก็ไปกันใหญ่เพราะลองนึกภาพดูว่าเขาต้องเลือกตั้งสนามใหญ่ในเวลาไม่นาน หากพรรคเพื่อไทยไปลงมติสนับสนุนให้พลเอกประยุทธ์กลับมาเป็นนายกฯ แล้วในสนามเลือกตั้ง จะมีชะตากรรมอย่างไร ก็เป็นการวิเคราะห์ว่าเขามีไพ่ในมืออะไรบ้าง

โดย วรพล กิตติรัตวรางกูร

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยโพสต์

สิ่งที่หยั่งรากอยู่ใน‘อุปนิสัย’ของ‘สมเด็จฮวยเซ็ง’!!!

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กว่าจะได้เข็มกลัดธงชาติไทย

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

แมวชอบเอาหัวมาสี? ไม่ใช่แค่แสดงความรัก แต่มีความหมายกว่าที่คิด

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

ตร.จับมือจุฬาฯ เปิดคอร์สออนไลน์ “รู้ทันภัยไซเบอร์” ฟรี! เรียนจบได้หน่วยกิต ป้องกันอาชญากรรมออนไลน์

Manager Online

ทาสแมวต้องรู้ พฤติกรรม "เอาหัวมาสี" บอกถึงอะไรเราบ้าง?

TNews

ตร.CIB รวบเครือข่ายยาเสพติดสายใต้ ก่อนลำเลียงสู่ภาคใต้

TNews

4 ผลไม้ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ มีอะไรบ้างที่กินประจำ?

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

4 ผลไม้บำรุงหัวใจ กินง่าย อร่อย สุขภาพดีเริ่มต้นได้ด้วยผลไม้ใกล้ตัว

TNews

กรมอุตุฯ เผยพยากรณ์อากาศรายภาค 7 – 13 ส.ค. 68 เตรียมรับมือสภาพอากาศ

TNews

เช็กสภาพอากาศ 15 วันจากนี้ กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักหลายพื้นที่

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...