เลือก "กระเป๋าทำงาน" แบบไหน ใช้แล้วไม่ "ปวดหลัง"
การเลือก กระเป๋าทำงาน ที่ไม่เหมาะสมอาจเป็นสาเหตุหลักของอาการ ปวดหลัง และปวดบ่าในระยะยาวได้ เพราะในแต่ละวันเราต้องแบกของหลายอย่าง ทั้งแล็ปท็อป เอกสาร และของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ ซึ่งน้ำหนักที่มากเกินไปและรูปทรงของกระเป๋าที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้ร่างกายต้องแบกรับภาระหนักขึ้น ลองมาดูกันว่าเราควรเลือกกระเป๋าแบบไหนเพื่อสุขภาพหลังที่ดีขึ้น
1. เลือกประเภทกระเป๋าที่เหมาะสม
สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือประเภทของกระเป๋า ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป
- กระเป๋าเป้สะพายหลัง (Backpack)
กระเป๋าเป้คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพหลัง เพราะช่วยกระจายน้ำหนักไปทั่วทั้งสองบ่าและหลัง ทำให้แรงกดทับไม่ไปรวมอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่ง ควรเลือกกระเป๋าเป้ที่มีสายสะพายหนาและนุ่มเพื่อลดแรงกดบนบ่า รวมถึงมีช่องใส่ของที่แบ่งสัดส่วนได้ดีเพื่อช่วยจัดระเบียบของในกระเป๋า
- กระเป๋าสะพายข้าง (Messenger Bag)
แม้จะสะดวก แต่กระเป๋าสะพายข้างจะทำให้เกิดการแบกน้ำหนักที่ไม่สมดุล เพราะน้ำหนักทั้งหมดจะอยู่ที่บ่าและหลังข้างเดียว หากจำเป็นต้องใช้ ควรหมั่นสลับข้างสะพายบ่อย ๆ และไม่ควรใส่ของที่มีน้ำหนักมากเกินไป
- กระเป๋าถือ (Tote Bag)
กระเป๋าถือเป็นตัวเลือกที่ไม่แนะนำหากต้องแบกของหนักเป็นประจำ เพราะจะทำให้แขนและบ่าข้างที่ถือต้องรับน้ำหนักมากเกินไป ส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานหนักและนำไปสู่การ ปวดหลัง ได้ง่าย
2. พิจารณาวัสดุและคุณสมบัติของกระเป๋า
นอกจากประเภทแล้ว วัสดุและคุณสมบัติอื่น ๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน
- น้ำหนักของกระเป๋าเปล่า
เลือกกระเป๋าที่ทำจากวัสดุที่น้ำหนักเบา เช่น ไนลอนหรือผ้าแคนวาส แทนที่จะเป็นหนังแท้ที่หนักกว่า เพราะยิ่งกระเป๋าเปล่าหนักเท่าไหร่ น้ำหนักรวมก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
- สายสะพายและหูหิ้ว
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสายสะพายหรือหูหิ้วมีความหนาและนุ่มพอที่จะช่วยรองรับน้ำหนักได้ดี โดยเฉพาะกระเป๋าเป้ ควรเลือกแบบที่มีสายสะพายบุฟองน้ำเพื่อความสบาย
- ฐานกระเป๋าที่แข็งแรง
ฐานกระเป๋าที่แข็งแรงจะช่วยให้ของด้านในไม่ไหลไปมารวมกันที่ก้นกระเป๋า ซึ่งจะช่วยให้จัดระเบียบน้ำหนักได้ง่ายขึ้น และทำให้กระเป๋าทรงตัวได้ดี
- มีช่องแบ่งสัดส่วน
กระเป๋าที่มีช่องแบ่งสัดส่วนหลายช่องจะช่วยให้คุณจัดวางของหนัก เช่น แล็ปท็อป ไว้ใกล้กับแผ่นหลังให้มากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดภาระที่ต้องแบก และช่วยให้ร่างกายรู้สึกสบายขึ้น
การเลือก กระเป๋าทำงาน ที่ถูกสุขลักษณะไม่ใช่เรื่องยาก แค่ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ ก็จะช่วยให้คุณบอกลาอาการ ปวดหลัง และปวดบ่าไปได้อย่างแน่นอน