SJWD ไตรมาส 2/2568 รายได้รวม 6,437.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% กำไรสุทธิ 282.5ล้านบาท
“บมจ.เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์” หรือ SJWD ไตรมาส 2/2568 รายได้รวม 6,437.8ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรสุทธิ 282.5ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.1% หากไม่รวมกำไรพิเศษในช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการเข้าลงทุนใน SWIFT ที่ราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม ถือเป็นการสร้างฐานกำไรใหม่ที่สูงขึ้น จากการควบคุมค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพประกาศจ่ายปันผลครึ่งปีหลังอัตรา0.10บาทต่อหุ้นตอบแทนผู้ลงทุน มองอัตราภาษีการค้าใหม่ไทย-สหรัฐฯ ไม่กระทบภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์เผยแผนธุรกิจครึ่งปีหลังรุกร่วมทุนให้บริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิและสินค้าทั่วไปจากไทยและอาเซียนไปจีนมุ่งควบคุมค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนทางการเงินต่อเนื่อง เตรียมขายสินทรัพย์แก่กองทรัสต์ในครึ่งปีหลังเพิ่มศักยภาพฐานทุน
ดร.เอกพงษ์ ตั้งศรีสงวน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินบริษัทเอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SJWD
ผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอาเซียน เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 เติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยมีรายได้รวม 6,437.8ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1%จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและมีกำไรสุทธิ 282.5ล้านบาทแม้ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่หากไม่รวมกำไรพิเศษจำนวน 339.4 ล้านบาทที่เกิดขึ้นในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเข้าลงทุนในบริษัท Swift Haulage Berhad หรือ SWIFTที่ราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรมกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 61.1%
ทั้งนี้ กำไรสุทธิไตรมาส 2/2568 ถือเป็นการสร้างฐานกำไรใหม่ที่สูงกว่าเดิมสะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นจากการการเพิ่มประสิทธิภาพควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) และลดต้นทุนทางการเงินภายหลังรวมกิจการแล้วเสร็จรวมถึงการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องส่งผลให้บริษัทหลักทรัพย์มีมุมมองเชิงบวกต่อบริษัทฯ และปรับเพิ่มราคาเหมาะสมของหุ้น SJWD
ขณะที่รายได้จากธุรกิจส่วนใหญ่เติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอาทิธุรกิจคลังสินค้าทั่วไป รายได้ 335.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.0%เนื่องจากขยายพื้นที่เพิ่มและสามารถหาผู้เช่าได้อย่างรวดเร็ว, ธุรกิจขนส่งหลากหลายรูปแบบ รายได้ 251.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1%จากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น, ธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดนรายได้174.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.6%จากการปรับโหมดและเส้นทางขนส่งเพื่อนำเสนอโซลูชันแก่ลูกค้าและการขยายฐานลูกค้ารายใหม่,ธุรกิจห้องเก็บของส่วนตัวให้เช่า มีรายได้ 37.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.9%จากการทำการตลาดเชิงรุก, ธุรกิจต่างประเทศ มีรายได้ 1,040.4ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.5% จากการเติบโตขึ้นของรายได้จากประเทศอินโดนีเซียประกอบกับการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากบริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ (เวียดนาม)จำกัด ฯลฯ ส่วนธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์มั่นใจว่าจะทำรายได้ทั้งปีตามเป้าหมาย แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่ในช่วงชะลอตัว เนื่องจากได้รับงานเพิ่มขึ้นจากลูกค้าเดิมเพิ่มขึ้นและสามารถขยายฐานลูกค้าใหม่
ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2568บริษัทฯ ทำรายได้รวม12,877.8ล้านบาทเพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนแม้ไม่มีการรับรู้รายได้จากธุรกิจ Food Services ในประเทศไต้หวันที่จำหน่ายเงินลงทุนไปแล้ว ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่648.0ล้านบาทใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมกำไรพิเศษในช่วงเดียวกันของปีก่อน(ลงทุนใน SWIFT)กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 90.9% โดยธุรกิจที่เติบโตโดดเด่นในช่วง 6 เดือนแรก อาทิ ธุรกิจคลังสินค้าทั่วไป รายได้ 643.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8%, ธุรกิจขนส่งหลากหลายรูปแบบ มีรายได้489.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.0%, ธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดนรายได้346.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.8%ฯลฯ
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีความพร้อมในการรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจ พร้อมดำเนินกลยุทธ์การลงทุนอย่างระมัดระวัง การควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร การจ่ายชำระคืนหนี้สินและลดต้นทุนทางการเงินจากกระแสเงินสดจากดำเนินการที่แข็งแกร่งของบริษัท รวมถึงได้ทยอยซื้อหุ้นเกือบครบตามจำนวนตั้งเป้าหมายไว้ในโครงการ ซึ่งจะเพิ่มอัตรากำไรต่อหุ้น ล่าสุดคณะกรรมการ (บอร์ด) จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอัตรา 0.10บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 177.7ล้านบาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28สิงหาคม 2568และจ่ายเงินปันผลวันที่ 12กันยายนนี้ เพื่อเพิ่มผลตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น
ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินSJWD กล่าวอีกว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ครึ่งปีหลังน่าจะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการปรับขึ้นภาษีการค้าของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยอยู่ในระดับเดียวกันหรือใกล้เคียงกับประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ขณะเดียวกันอาจเกิดการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีต่อธุรกิจส่วนการบริการขนส่งสินค้าข้ามแดนยังคงดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมองวิกฤตเป็นโอกาสในการนำเสนอโซลูชันเพื่อเป็นทางเลือกแก่ลูกค้า โดยมั่นใจว่าด้วยความเชี่ยวชาญ การบริการที่หลากหลาย และฐานลูกค้าที่กระจายอยู่ในหลายอุตสาหกรรมจะทำให้บริษัทผลักดันรายได้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนแผนการดำเนินธุรกิจครี่งปีหลัง ยังคงพิจารณาโอกาสขยายการลงทุนในธุรกิจเดิม การร่วมทุน เข้าถือหุ้นหรือซื้อกิจการด้วยความระมัดระวังโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นหลัก ล่าสุด บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี เอเชีย จำกัด ในเครือ SJWD,รุ่ยหยุน (เอชเค) อินเตอร์เนชั่นแนล ซัพพลายเชน (Ruiyun) และโกลเด้น ไลน์ เซอร์วิสเซส ได้ร่วมกันจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ "รุ่ยหยุน อินเตอร์เนชั่นแนล ซัพพลายเชน (ประเทศไทย)โดยถือหุ้น 40% 49% และ 11% ตามลำดับ เพื่อร่วมมือกันให้บริการขนส่งสินค้าควบคุมอุณหภูมิและสินค้าทั่วไปจากไทยและอาเซียนไปยังประเทศจีน เช่น ผลไม้, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมทั้งมุ่งเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร รวมถึงการลดต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนในการทยอยจ่ายชำระหนี้จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทตลอดจนวางแผนขายทรัพย์สินแก่กองทรัสต์ในไตรมาส 3/2568เพื่อเตรียมความพร้อมด้านฐานเงินทุน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หุ้นไทยวันนี้ 14 สิงหาคม 2568 ปิดลบ 10.76 จุด ตลาดปรับตัวลงเริ่มเข้าสู่การพักฐาน
- KCC ไตรมาส 2 ปี 68 โกยกำไร เฉียด 98.6 ล้านบาทพุ่ง 332%
- หุ้นไทยวันนี้ 13 สิงหาคม 2568 ปิดพุ่ง 18.36 จุด กนง. ลดดอกเบี้ยหนุนตลาด
- SAPPE งบ Q2/68 รายได้ 1,548 ล้านบาท กำไรสุทธิโต 10.9%
- บล. โกลเบล็ก แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ MSCI ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุน