SAMARTกำไร 6 เดือนพุ่ง 267% ลุ้นรายได้ทั้งปี2568แตะ 1.3 หมื่นล้าน
#SAMART#ทันหุ้น-SAMART เผยผลงานไตรมาส 2ปี 2568มีรายได้รวมกว่า 2,401ล้านบาท และมีกำไร 160ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมีรายได้รวมมากกว่า 5,298ล้านบาท และมีกำไร สูงถึง 215ล้านบาท หรือเติบโตมากถึงกว่า 267% เมื่อเทียบกับครึ่งปี2567มั่นใจธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง ตั้งเป้ารายได้ปี2568มีโอกาสแตะ 1.3หมื่นล้านบาท จากการเข้าร่วมประมูลโครงการมูลค่ารวมเกือบ 4หมื่นล้าน
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ของบริษัทเป็นที่น่าพอใจทุกสายธุรกิจสดใส ส่งผลให้มีรายได้รวมอยู่ที่ 2,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 297 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ14 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และมีกำไร อยู่ที่ 160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 187 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
เนื่องจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนบริษัทฯมีการรับรู้ผลขาดทุนจากการประมาณการหนี้สินระยะยาว จากกรณีข้อพิพาทกับคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 และการกีฬาแห่งประเทศไทย จำนวน 283 ล้านบาท ประกอบกับการที่ภาครัฐเร่งขยายการลงทุนขนาดใหญ่ภายในประเทศ บวกกับบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ภาพรวมบริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้น รวมรายได้ครึ่งปีแรก 5,298 ล้านบาท และมีกำไรสูงถึง 215 ล้านบาท หรือเติบโตมากถึงกว่า 267 เปอร์เซ็นต์ ปัจจุบันกลุ่มสามารถมีงานในมือทะลุ 1.56 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปอีกประมาณ 5 ปี หรือถึงปี 2572
SAMTEL งานประมูลเพียบ
โดยสายธุรกิจ Digital ICT Solutions หรือ “SAMTEL” มีการลงนามสัญญาโครงการกับหน่วยงานต่าง ๆ อาทิ โครงการกับการนิคมอุตสาหกรรม การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรมที่ดิน เป็นต้น โดยมีรายได้รวม 1,005 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 33 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิรวมครึ่งปีแรกที่ 86 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 220 % รวมครึ่งปีแรกคว้างานไปได้มากกว่า 5 พันล้านบาท ตุน backlog ในมือแล้วกว่า 8,500 ล้านบาท
ส่วนครึ่งปีหลัง SAMTEL เตรียมเข้าประมูลงานใหญ่อื่นของทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมมูลค่าราว 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีรายได้แบบ recurring income เพิ่มขึ้น
สายธุรกิจ Utilities and Transportations มีรายได้รวม 1,262 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 1 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) (SAV) ธุรกิจด้านการให้บริการจัดการการจราจรทางอากาศที่ประเทศกัมพูชามีรายได้เพิ่มขึ้น 37 ล้านบาท มีจำนวนเที่ยวบินอยู่ที่ 30,292 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 5,614 เที่ยวบินหรือคิดเป็นร้อยละ 23 ในขณะที่ลดลง จากไตรมาสก่อนจำนวน 527 เที่ยวบินหรือคิดเป็นร้อยละ 2 แม้จำนวนเที่ยวบินลดลงตามฤดูกาล แต่ปริมาณการบินผ่านน่านฟ้ายังมีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นผลมาจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเวียดนามและมาเลเซีย ซึ่งส่งผลดีต่อรายได้บริการที่เกี่ยวข้องกับการบินข้ามน่านฟ้า รวมถึงสายการบินรุ่นลี่แอร์ไลน์สของจีน ได้กลับมาให้บริการหลังจากระงับบริการหลายปี ซึ่งน่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวและนักลงทุนชาวจีนเข้ามามากขึ้น
SAVสนามบิน“เตโช”หนุนแกร่ง
ส่วนครึ่งปีหลังจะได้ผลบวกจากการเปิดสนามบินแห่งชาติใหม่ “เตโช” ที่สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 13 ล้านคน ต่อปี ด้านสถานการณ์ความไม่สงบในเขตชายแดน บริษัทยังสามารถดำเนินงานได้ตามปกติ เนื่องจากธุรกิจการบิน มีความจำเป็นเชิงโครงสร้างต่อระบบการบินของประเทศ ทั้งในแง่ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน การใช้บุคลากรท้องถิ่นที่มีสัดส่วนสูงถึง 99%
ส่วนธุรกิจก่อสร้างโครงการสายส่งสถานีไฟฟ้าแรงสูงแบบครบวงจรภายใต้ บริษัท เทด้า จำกัด ก็ยังสามารถขยายธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง มีรายได้รวม 477 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ล่าสุดได้งานก่อสร้างโครงการสายส่งสถานีไฟฟ้าแรงสูง และงานก่อสร้างสถานีย่อย มูลค่ารวมกว่า 1,800 ล้านบาท รวมทั้งจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการการเก็บภาษีสรรพสามิตด้วย ส่งผลให้สายธุรกิจนี้มีมูลค่างานในมืออยู่ที่ 6,372 ล้านบาท
สายธุรกิจ Digital Communications หรือ “SDC” มีรายได้รวมกว่า 141 ล้านบาท และมีกำไร 15 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัยกล่าวปิดท้ายว่า “ปีนี้รายได้เรามีโอกาสแตะ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท โดยช่วงไตรมาสแรก เรามีรายได้ไปแล้วราว 2,897 ล้านบาท ไตรมาส 2 มีรายได้อีก 2,401 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีที่เหลือ มองว่าทุกกลุ่มธุรกิจจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีการรับรู้รายได้ 6,000 – 7,000 ล้านบาทได้ไม่ยาก จากงานในมือที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งมีโอกาสได้รับโครงการใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งเราประเมินว่าภาครัฐจะออกโนบายกระตุ้นเศรษฐกิจอีกมากในช่วงหลังจากนี้”