แก้วเก็บความเย็น แก้วสแตนเลส เกรด 201-304-316 แตกต่างยังไง บ่งบอกอะไร อันไหนดีสุด
ในยุคที่แก้วเก็บความเย็นและภาชนะสแตนเลสได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย คำว่า เกรดของสแตนเลส มักจะปรากฏอยู่ตามฉลากสินค้า แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเกรดเหล่านั้นไม่ได้มีไว้เพื่อดูสวยหรูเท่านั้น เพราะแต่ละเกรดมีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านความแข็งแรง ความปลอดภัยต่อสุขภาพ ความทนทานต่อการกัดกร่อน ไปจนถึงราคา
เกรดยอดนิยมที่มักพบมากที่สุดในตลาดคือ 201, 304 และ 316 ซึ่งแต่ละแบบก็มีข้อดี-ข้อจำกัดเฉพาะตัว เรามาเจาะลึกกันว่าเกรดไหนเหมาะกับใคร และใช้งานแบบใดถึงจะคุ้มค่าที่สุด
สแตนเลสเกรด 201 – ราคาย่อมเยา ใช้งานทั่วไป
สแตนเลส 201 เป็นวัสดุที่มักใช้กับสินค้าราคาประหยัด เพราะต้นทุนการผลิตต่ำ เนื่องจากมีการลดปริมาณนิกเกิลลงและเพิ่มแมงกานีสเข้าไปแทน แม้ว่าจะมีความแข็งแรงพอสมควร แต่สแตนเลสเกรดนี้มีข้อจำกัดในเรื่องการทนต่อการกัดกร่อน โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ชื้นหรือใกล้น้ำ จึงอาจเกิดสนิมได้ง่ายกว่าเกรดอื่น ๆ
สแตนเลส 201 เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น แก้วน้ำที่ใช้ในบ้าน งานตกแต่ง หรืออุปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้ระยะยาวมากนัก เหมาะกับคนที่ต้องการสินค้าราคาย่อมเยา และไม่ได้ใช้ในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง
สแตนเลสเกรด 304 – มาตรฐานที่ใช้กันทั่วโลก ปลอดภัย ใช้ได้จริง
หากพูดถึงสแตนเลสที่นิยมมากที่สุด ต้องยกให้ “304” เพราะเป็นเกรดมาตรฐานที่ใช้ในภาชนะเครื่องครัว อุตสาหกรรมอาหาร ไปจนถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ จุดเด่นของเกรดนี้อยู่ที่ความปลอดภัยสูง ทนต่อการกัดกร่อนได้ดี และไม่เป็นสนิมง่ายแม้ใช้งานในระยะยาว
ส่วนผสมของเกรด 304 มีโครเมียมประมาณ 18% และนิกเกิลประมาณ 8–10% ซึ่งช่วยสร้างชั้นฟิล์มบาง ๆ บนพื้นผิวโลหะ ทำหน้าที่ป้องกันสนิมและการกัดกร่อนได้ดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังไม่ติดแม่เหล็กหรือเป็นแม่เหล็กอ่อน จึงง่ายต่อการแยกประเภท
เหมาะอย่างยิ่งกับแก้วเก็บความเย็นที่ใช้งานประจำวัน แก้วเก็บอุณหภูมิสำหรับเด็ก แก้วกาแฟแบบพกพา หรือภาชนะอาหารที่เน้นความปลอดภัยเป็นหลัก
สแตนเลสเกรด 316 – พรีเมียมขั้นสุด ทนทานในทุกสภาพ
สำหรับผู้ที่ต้องการวัสดุระดับพรีเมียม ที่ทนทั้งต่อสารเคมีรุนแรง ความชื้นจัด หรือแม้แต่น้ำทะเล สแตนเลสเกรด 316 คือตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะมีการเติม โมลิบดีนัม (Molybdenum) เข้าไปในส่วนผสม ทำให้เพิ่มความต้านทานการกัดกร่อนสูงกว่าทุกเกรดก่อนหน้า
สแตนเลสชนิดนี้สามารถทนได้ทั้งในสภาพอากาศรุนแรง ใช้กลางแจ้ง หรือพกไปเที่ยวทะเล โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสนิมหรือการเสื่อมสภาพ มักถูกใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ อาหารทะเล หรือเครื่องมือที่ต้องสัมผัสสารเคมีโดยตรง
แน่นอนว่า ราคาของสแตนเลส 316 สูงที่สุดในบรรดา 3 เกรด แต่ถ้าคุณให้ความสำคัญกับความปลอดภัย อายุการใช้งานยาวนาน และไม่อยากเปลี่ยนแก้วบ่อย ๆ ก็ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
แนะนำให้เหมาะกับการใช้งาน
ถ้าคุณใช้งานเบาๆ ไม่ซีเรียสเรื่องอายุการใช้งาน ต้องการราคาถูก : เลือก 201
ถ้าคุณต้องการความปลอดภัย ใช้ทุกวัน ไม่ต้องกังวลเรื่องสนิม : เลือก 304
ถ้าคุณใช้ในสภาพแวดล้อมหนัก ต้องการความทนสูงสุด : เลือก 316
ไม่ว่าจะเลือกเกรดไหน สิ่งสำคัญคือควรตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้า และหลีกเลี่ยงของปลอมราคาถูกที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะถึงจะหน้าตาดีแค่ไหน ถ้าไม่ได้ใช้วัสดุปลอดภัย ก็อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพในระยะยาวได้