การรถไฟฯ แจกแจงคำพิพากษาศาล ย้ำสิทธิ์ครองที่ดินเขากระโดง
การรถไฟฯ เปิดรายละเอียดคำพิพากษาศาลปกครอง ย้ำที่ดินเขากระโดง เป็นของ รฟท. วินิจฉัยตามเอกสารการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ปี 2462-2465 ถือเป็นที่สุด
การรถไฟแห่งประเทศไทย โพสต์เพจเฟซบุ๊ก กรณีข้อพิพาทที่ดินเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ โดยระบุว่า กรณีข้อพิพาทบริเวณ ที่ดินรถไฟตอนแยกเขากระโดง จ.บุรีรัมย์
ข้อพิพาทบริเวณ ที่ดินรถไฟตอนแยกเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยอ้างอิงคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ซึ่งวินิจฉัยยืนยันอย่างชัดเจนว่า ที่ดินทั้งหมดในบริเวณดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อันเป็นที่ดินของรัฐ
1. เอกสารการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินรถไฟตอนแยกเขากระโดง ประกอบด้วย
1.1 พระราชกฤษฎีกา กำหนดเขตร์สร้างทางรถไฟหลวง ต่อจาก นครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี ประกาศ ณ วันที่ 8 พ.ย. 2462 ประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2462 (รัชกาลที่ 6)
1.2 พระราชกฤษฎีกา ว่าด้วยการจัดซื้อที่ดินแลอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น เพื่อสร้างทางรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กรมรถไฟแผ่นดินจัดสร้าง ประกาศ ณ ลงวันที่ 7 พ.ย. 2464 ประกาศราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2464 (รัชกาลที่ 6)
1.3 พระราชบัญญัติจัดวางทางรถไฟแลทางหลวง พ.ศ. 2464
1.4 แผนที่แสดงเขตร์ที่ดินของกรมรถไฟ ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ อนึ่ง ทางสายหลัก จะเป็นแผนที่แสดงเขตร์ที่ดินของกรมรถไฟ ตอนที่ 2 ตั้งแต่ต.ท่าช้าง จ.นครราชสีมา ถึง จ.สุรินทร์
2. การแจ้งการครอบครองที่ดินรถไฟตอนแยกเขากระโดง
ในปี 2497 มีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 บัญญัติให้ผู้ที่ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน อยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ แจ้งการครอบครองที่ดินต่อนายอำเภอท้องที่ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
การรถไฟฯ จึงดำเนินการแจ้งการครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน เพื่อเป็นการยืนยันสิทธิการครอบครองที่ดินตามที่ปรากฏในแผนที่แสดงเขตร์ที่ดินของกรมรถไฟ ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ อันเป็นที่มาของใบแจ้งการครอบครองที่ดิน (สค.1) เลขที่ 1180 เนื้อที่ 5,083 ไร่ 80 ตารางวา
3. ขอบเขตที่ดินรถไฟตอนแยกเขากระโดง
การกำหนดขอบเขตที่ดินเริ่มจากการที่ข้าหลวงพิเศษและกรมรถไฟแผ่นดิน เห็นว่ามีความจำเป็นต้องใช้หิน ดิน และวัสดุอื่นๆ สำหรับการก่อสร้างทางรถไฟและการเดินรถ จึงสำรวจและวางแนวทางรถไฟแยกออกจากเส้นทางรถไฟสายนครราชสีมา ถึง อุบลราชธานี (เส้นทางสายหลัก) บริเวณกิโลเมตรที่ 375+650 ออกไปเพื่อทำทางรถไฟเข้าไปขนหินย่อยที่เขากระโดงและบ้านตะโก เป็นระยะทางรวม 8 กิโลเมตร
จากผลการสำรวจปรากฏว่า มีผู้ครอบครองที่ดินบริเวณตามแผนที่แสดงเขตร์ที่ดินของกรมรถไฟ ตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ จำนวน 18 ราย ซึ่งอยู่ช่วง กม. 0 ถึง กม.4+540 แต่ช่วงระยะทางจาก กม.4+540 ถึง กม. 8+000 มีความกว้างจากกึ่งกลางแนวกรุยทางรถไฟข้างละ 1,000 เมตร ในขณะนั้นเป็นที่รกร้างว่างเปล่า มีสภาพเป็นป่าไม้และเป็นที่เนินเขา ไม่มีเจ้าของ
กรมรถไฟจึงจ่ายค่าทำขวัญแก่ผู้ครอบครองที่ดิน จำนวน 18 ราย (ตามหนังสือกรมรถไฟแผ่นดิน เลขที่ ค.อ. 508/67 ลงวันที่ 24 พ.ย. 2467) และเข้าครอบครองกำหนดให้เป็นที่ดินรถไฟ เพื่อประโยชน์แก่กิจการรถไฟสำหรับลำเลียงหิน ระเบิดหินและย่อยหินบริเวณที่ดินรถไฟเขากระโดง เพื่อใช้ในการก่อสร้างและเดินรถไฟ
การที่มีผู้กล่าวอ้างว่า ที่ดินรถไฟเขากระโดงควรมีระยะห่างออกไปข้างละ 40 เมตร นั้น เป็นกรณีที่ระบุแนวเขตที่ดินรถไฟสำหรับทางรถไฟสายระหว่างย่านสถานีเท่านั้น ไม่รวมย่านสถานี หรือย่านเก็บกองสินค้า หรือบริเวณที่เป็นแหล่งวัสดุในการสร้างทางรถไฟ แต่อย่างใด
4. การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหวงห้ามที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินอันเป็นที่ดินว่างเปล่า พ.ศ. 2478
ที่ดินตามแผนที่แสดงเขตร์ที่ดินของกรมรถไฟตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ นั้น เป็นที่ดินที่จัดหามาเพื่อใช้ในกิจการรถไฟโดยชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 3 (2) แห่งพระราชบัญญัติจัดวางทางรถไฟแลทางหลวง พ.ศ. 2464 ที่มีผลบังคับใช้อยู่ในเวลานั้น ย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกรมรถไฟแผ่นดิน ตามมาตรา 25 และได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 6 (1)
และ (2) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว คือ ห้ามไม่ให้ยกกำหนดอายุความขึ้นต่อสู้สิทธิของแผ่นดินเหนือที่ดินรถไฟหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่นของรถไฟ และห้ามมิให้เอกชนหรือบริษัทใด ๆ หวงห้ามหรือถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินรถไฟหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น การได้มาซึ่งที่ดินบริเวณดังกล่าวจึงได้มาก่อนประกาศใช้พระราชบัญญัติหวงห้ามที่ดินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินอันเป็นที่ดินว่างเปล่า พ.ศ. 2478
การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 และรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินของกรมรถไฟแผ่นดิน ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงเป็นเจ้าของถือกรรมสิทธิ์เหนือที่ดินตามแผนที่แสดงเขตร์ที่ดินของกรมรถไฟตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ การที่ราษฎรอ้างว่าจับจองที่ดินบริเวณดังกล่าวก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ จึงเป็นการขัดต่อกฎหมาย ไม่ทำให้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามที่กล่าวอ้างได้
5. ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842-876/2560 คำพิพาษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขดำที่ 111/2563 เลขแดงที่ 1112/2563 ได้วินิจฉัยไว้ชัดเจนว่า ที่ดินรถไฟตอนแยกเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และที่ดินที่บริเวณที่ศาลมีคำพิพากษาเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งสามารถใช้จัดทำบริการสาธารณะให้แก่ประชาชนทั่วไปได้
คำพิพากษาดังกล่าวจึงใช้ยันบุคคลภายนอกได้ มิได้มีผลผูกพันเฉพาะคู่ความในคดี ตามมาตรา 145 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เท่านั้น ทั้งนี้ เป็นไปตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ 2494/2564 หมายเลขแดงที่ 582/2566
การรถไฟแห่งประเทศไทย ขอยืนยันว่า ที่ดินตามแผนที่แสดงเขตร์ที่ดินของกรมรถไฟตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ เป็นที่ดินของรัฐ อันเป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย
ทั้งนี้ การรถไฟฯ ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ทับซ้อนกับที่ดินรถไฟตอนแยกเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ มาโดยตลอด เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของรัฐและเป็นการป้องกันมิให้เกิดผลเสียหายต่อประชาชน ระบบเศรษฐกิจ รวมถึงกระบวนการบริหารจัดการของรัฐ โดยได้เตรียมมาตรการรองรับสำหรับประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ ที่อาจได้รับผลกระทบจากการเพิกถอนเอกสารสิทธิของกรมที่ดินด้วย
ทั้งนี้ คำพิพากษาศาลปกครองกลางเป็นที่สุด และมีผลผูกพันทุกฝ่าย โดยที่ดินรถไฟตอนแยกเขากระโดงตามแผนที่แสดงเขตร์ที่ดินของกรมรถไฟตอนแยกไปยังที่ย่อยศิลา ต.เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ อยู่ในท้องที่ต.อิสาณ และต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ซึ่งทุกภาคส่วนควรเคารพต่อคำพิพากษาอันเป็นบรรทัดฐานสูงสุดทางกฎหมาย
การรถไฟแห่งประเทศไทย เห็นว่าคำพิพากษาศาลฎีกา คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ถือเป็นที่สุด และมีผลผูกพันทุกฝ่าย ว่าที่ดินรถไฟตอนแยกเขากระโดง จ.บุรีรัมย์ บริเวณต.อิสาณ ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ เป็นกรรมสิทธิ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย อันเป็นที่ดินของรัฐ
การออกเอกสารสิทธิในที่ดินทับซ้อนที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย จึงเป็นการออกเอกสารสิทธิโดยคลาดเคลื่อนและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งทุกภาคส่วนควรเคารพต่อคำพิพากษาอันเป็นบรรทัดฐานสูงสุดทางกฎหมาย โดยการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายในการเพิกถอนเอกสารสิทธิในที่ดินดังกล่าว เพื่อนำที่ดินมาเป็นของรัฐต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 'ภูมิธรรม' ส่งตัวแทนยื่นร้องเรียนมรรยาท 'ทนายทิวา' ปมที่ดินเขากระโดง
- ‘กรวีร์’ ถาม ‘ภูมิธรรม-เพื่อไทย’ ปมเพิกถอน ‘เขากระโดง’ #พรุ่งนี้กี่โมง?
- โฆษกเพื่อไทย ลั่นที่ดินเขากระโดง ควรจบตั้งแต่ปี 2560 แต่ไม่จบเพราะกลุ่มการเมือง
ติดตามเราได้ที่