ทลายเครือข่ายแก๊งยาเวียดนามใช้ไทยเป็นฐาน ยึดอื้อ! เครื่องปั๊มอัดเม็ด-หัวตอก
เมื่อวันที่ 21 ส.ค. พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย นายปฤณ เมฆานันท์ ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. และผู้แทนจากฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก กรมศุลกากร และบริษัทไปรษณีย์ไทย จํากัด ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดชาวเวียดนาม พร้อมตรวจยึดของกลางยาเสพติด เครื่องอัดเม็ดและหัวตอก
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า เมื่อกลางเดือน ส.ค. 68 ที่ผ่านมา ได้นำคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมทวิภาคีไทย-เวียดนาม ว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 17 ณ กรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการสืบสวนและปราบปรามเครือข่ายการค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยมีประเด็นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์เนื่องจากพบว่านักค้ายาเสพติดชาวเวียดนามที่ผลิตเอ็กซ์ตาซี (ยาอี) ในปัจจุบันถูกกวาดล้างและจับกุมอย่างหนักภายในสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ซึ่งในปีที่ผ่านมีการจับกุมยาบ้าและเอ็กซ์ตาซี (ยาอี) รวมกว่า 3 ล้านเม็ด โดยมีแนวโน้มที่นักค้ายาเสพติดชาวเวียดนามจะเข้ามาเคลื่อนไหวในประเทศไทยเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งการผลิต และจำหน่าย จึงมอบหมายให้ นายปฤณ ดำเนินการสืบสวนและติดตามพฤติการณ์เครือข่ายนักค้ายาเสพติดชาวเวียดนามอย่างใกล้ชิด
สําหรับการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา สํานักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ กรมศุลกากร ศูนย์รักษาความปลอดภัยกองบัญชาการกองทัพไทย ตํารวจ สน.ทุ่งสองห้อง กรมข่าวทหารบก และ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ตรวจยึดเคตามีน 5,200 กรัม บรรจุในพัสดุระหว่างประเทศ ซุกซ่อนอําพรางมากับถุงขนมต้นทางประเทศเนเธอร์แลนด์ จากนั้นได้ทําการสืบสวนขยายผลไปยังผู้รับพัสดุกล่าว
ต่อมาวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าสังเกตการณ์บริเวณโดยรอบคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งที่ระบุเป็นสถานที่จัดส่ง กระทั่งพบชายชาวเวียดนาม 2 คน เป็นผู้มาติดต่อขอรับพัสดุ จึงแสดงตัวจับกุมจากนั้นนําตัวไปตรวจค้นเพิ่มเติมภายในบ้านเช่าย่านลาดพร้าว พบชายชาวเวียดนามอีก 2 คน รวมจับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมเอ็กซ์ตาชี (ยาอี) 514 เม็ด ผงยาอี เครื่องอัดเม็ดอัตโนมัติที่สามารถผลิตได้วันละกว่า 1 แสนเม็ด และหัวตอกยาอี logo ต่างๆ
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การว่าเตรียมนำเคตามีนมาผสมกับ MDMA ให้เป็นผงยาอีและทำการอัดเม็ด เพื่อเพิ่มการออกฤทธิ์ของยาเสพติด จากนั้นให้บุคคลในเครือข่ายนำไปจำหน่ายในสถานบันเทิงให้กับนักท่องเที่ยวในลักษณะปิดหรือรู้จักกันในกลุ่มเท่านั้น ซึ่งยาดังกล่าวที่นํามาผสมเพิ่มหากเสพเข้าและดื่มกับนํ้าหวานหรือแอลกอฮอล์จะทําให้หัวใจวายเฉียบพลันจนถึงขั้นเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่า เอ็กซ์ตาซี (ยาอี) บางส่วนถูกลักลอบส่งกลับไปจำหน่ายที่สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามแล้ว
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ระบุว่า ปัญหาการค้ายาเสพติดในลักษณะเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติกระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาค และมีความพยายามลักลอบค้ายาเสพติดอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ไทยเป็นทางผ่านไปยังประเทศที่สาม ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิดในการบูรณาการความร่วมมือจนนำมาซึ่งผลสัมฤทธิ์ในการสืบสวนขยายผลเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติได้อย่างเป็นรูปธรรม