นักลงทุนหันเสริมเกราะป้องกัน สู่หุ้นงบดุลแข็งแกร่ง แม้ S&P 500 ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง
แม้ S&P 500 ทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องจากแรงหนุนหุ้นเทคโนโลยี แต่นักลงทุนเริ่มปรับพอร์ตเข้าสู่หุ้นงบดุลแข็งแกร่ง ลดความเสี่ยงจากเศรษฐกิจชะลอตัว-แรงกดดันภาษี
วันที่ 13 สิงหาคม 2568 เวลา 16.30 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาณเตือนความเปราะบางของตลาดหุ้นสหรัฐปรากฏชัด แม้ดัชนี S&P 500 จะพุ่งทำสถิติสูงสุดก็ตาม ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวบ่งชี้ว่านักลงทุนเริ่มปรับพอร์ตเพื่อรับมือความเสี่ยง
ข้อมูลจาก Goldman Sachs ชี้ว่าดัชนีตะกร้าหุ้น S&P 500 ที่มีงบดุลแข็งแกร่งที่สุด ทำผลงานดีที่สุดนับตั้งแต่เมษายน เมื่อเทียบกับตะกร้าหุ้นฐานะอ่อนแอ หุ้นเงินสดหนาอย่าง Fastenal, Palantir และ West Pharmaceutical ปรับขึ้นต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ ยาวนานที่สุดนับจากครั้งที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศภาษีครั้งแรกซึ่งเคยทำให้ตลาดผันผวน
กลยุทธ์การหมุนเข้าสู่หุ้นแข็งแรงทางการเงินช่วยให้นักลงทุนลดความเสี่ยงจากการถือหุ้นเปราะบาง ในขณะที่ยังอยู่ในตลาดได้ โดยหุ้นเหล่านี้มักทนทานต่อเศรษฐกิจชะลอตัวและแรงกดดันจากการถูกบีบอัตรากำไร
Brian Jacobsen หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ Annex Wealth Management ระบุว่า แม้นักลงทุนยังขี่กระแสขาขึ้น แต่ความระมัดระวังเริ่มเพิ่มขึ้น
S&P 500พุ่งกว่า 29% จากจุดต่ำสุดเมื่อต้นเมษายน ส่วนหนึ่งจากกระแส AI ที่หนุนมูลค่า Nvidia และ Microsoft ขึ้นแตะหลายล้านล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันผลประกอบการโดยรวมยังแข็งแกร่ง แม้มาตรการการค้าของทรัมป์จะผันผวน แต่การเติบโตของกำไรกลับกระจุกในภาคเทคโนโลยีและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ขณะที่กลุ่มสินค้าบริโภคและอุตสาหกรรมยังอ่อนแรง
นักกลยุทธ์ Citigroup พบสัญญาณแรกของการฟื้นตัวหุ้นคุณค่า (value stocks) ตั้งแต่ ก.ค. ถึงต้น ส.ค. เนื่องจากนักลงทุนมองหาหุ้นราคาต่ำเมื่อเทียบพื้นฐาน ส่งผลให้หุ้นเทคโนโลยีไร้กำไรและการเก็งกำไรสูงเริ่มเผชิญแรงขาย ขณะที่หุ้นคุณภาพสูงในกลุ่มป้องกันความเสี่ยง เช่น โทรคมนาคม สาธารณูปโภค และประกันภัย รวมถึง Philip Morris ที่ปีนี้พุ่งแล้ว 40% ต่างยืนระยะได้ดี
นักวิเคราะห์เตือนว่าการพุ่งครั้งนี้กระจุกตัวในหุ้น Magnificent 7 และความกว้างของตลาดลดลง ดัชนีS&P 500 แบบ equal-weighted ร่วง 10 จาก 13 วันทำการ ขณะที่แบบ cap-weighted ยังบวกได้ราวครึ่งหนึ่งของช่วงดังกล่าว บางฝ่ายกังวลว่าตลาดกระทิงเริ่มเข้าสู่ช่วงปลายอายุ
แม้มีสัญญาณเตือน นักลงทุนยังคงซื้อหุ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่สอง ข้อมูลจาก Bank of America ชี้ว่าสัปดาห์ล่าสุดเป็นช่วงที่มีเงินไหลเข้าหุ้นรายตัวมากที่สุดในรอบ 2 ปี ทั้งในกลุ่ม defensive และ cyclical โดยความระมัดระวังเลือกหุ้นถือว่ามีเหตุผล เพราะในรอบ 25 ปี S&P500 มักร่วงเฉลี่ย 1.5% ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นเดือนที่ผลงานแย่ที่สุด
อย่างไรก็ดีมุมมองรวมของนักกลยุทธ์วอลล์สตรีทยังเป็นบวก แนะนำให้ “ซื้อเมื่อย่อ” ทำให้ยากจะเห็นการปรับฐานใหญ่ เว้นแต่จะเกิดภาวะถดถอยจริง ๆ ตามความเห็นของ Chris Zaccarelli แห่ง Northlight Asset Management
อ้างอิง : www.bloomberg.com