ดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเป็นวันที่สอง S&P 500 ทุบสถิติอีกรอบ
บลูมเบิร์ก/ซีเอ็นบีซี รายงานหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวสูงขึ้นในวันพุธ (13 ส.ค.68) โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดอัตราดอกเบี้ยลง ผลักดันให้ดัชนีหลักๆ ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้ง
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 463.66 จุด หรือ 1.04% ปิดที่ 44,922.27 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.32% ปิดที่ 6,466.58 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite
ปิดที่ 21,713.14 จุด เพิ่มขึ้น 0.14% ทั้งสองดัชนีปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่สองติดต่อกัน
หุ้นประมาณ 420 ตัวในดัชนี S&P 500 ถีบตัวสูงขึ้น
ราคาหุ้น AMD พุ่งขึ้น 5.4% นำหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้น Apple
ก็ปรับตัวขึ้น 1.6% เช่นกัน หุ้นของ Paramount Skydance
พุ่งขึ้นแรง 36.7%
การเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการพุ่งขึ้นที่ทำลายสถิติในวันอังคาร ซึ่งเกิดจากรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสเกือบ 100% ที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดเดือนกันยายน ตามข้อมูลการซื้อขายของเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME
รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักกลยุทธ์การลงทุนจาก Baird ชี้ว่าผลประกอบการในไตรมาสสองที่แข็งแกร่งในขณะนี้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยกระตุ้นตลาด แม้ว่าความถี่ของการรายงานผลประกอบการจะชะลอตัวลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่ในสัปดาห์หน้า ผลประกอบการจะคึกคักขึ้นอีกครั้ง โดยมีหุ้นค้าปลีกรายใหญ่หลายตัวจะประกาศผลประกอบการ
“นี่เป็นผลประกอบการที่น่าประทับใจมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งขององค์กรธุรกิจ ท่ามกลางความผันผวนที่เราเห็นตลอดช่วงฤดูร้อน” เขากล่าวกับซีเอ็นบีซี “และผลประกอบการบริษัทดีขึ้นในวงกว้าง”
นักลงทุนออกจากหุ้นเจ็ดนางฟ้า “Magnificent Seven” ขนาดใหญ่ หันไปลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก โดยดัชนี Russell 2000 พุ่งขึ้น 2% ในวันพุธ
หุ้นขนาดเล็กได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง เนื่องจากช่วยลดต้นทุนเงินทุนและอาจกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค
รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นเครื่องวัดเงินเฟ้อขายจะออกในวันพฤหัสบดี ซึ่งจะช่วยให้ภาพรวมเศรษฐกิจอีกเพิ่มเติม รายงานฉบับนี้ออกมาก่อนการประชุมสัมมนาที่ Jackson Hole ของเฟดในวันที่ 21-23 สิงหาคม ซึ่งอาจช่วยชี้แนวโน้มเกี่ยวกับนโยบายต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐ
ความคาดหวังของตลาดต่อการผ่อนคลายนโยบายก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน หลังจากคำกล่าวของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสก็อตต์ เบสเซนต์ ว่า “เราอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง โดยเริ่มจากการลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนกันยายน”
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ลดลง 0.5 เบซิสพอยท์ มาอยู่ที่ 3.68%
เดือนที่แล้ว ผู้กำหนดนโยบายของเฟดได้คงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ 4.25- 4.5% เบสเซนต์กล่าวว่าเจ้าหน้าที่อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง หากพวกเขาทราบข้อมูลตลาดแรงงานที่ปรับปรุงใหม่ ซึ่งออกมาสองสามวันหลังจากการประชุมครั้งล่าสุด
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าเขาอาจประกาศชื่อประธานเฟดคนต่อไป “เร็วกว่ากำหนดเล็กน้อย” และเสริมว่าตัวเขาเองมีผู้ที่มีศักยภาพเหลือให้เลือกอยู่สามหรือสี่คน เนื่องจากเขากำลังมองหาผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากเจอโรม พาวเวล