‘บุญสิงห์’ เปิดมหกรรมวิชาการ ภาคสามบุรี หนุนปั้นนวัตกรรมการศึกษา ก้าวทันโลกยุคใหม่
เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่โรงแรม ณ เวลา อำเภอเมืองราชบุรี จังหวัดราชบุรี นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการจัดงานมหกรรมวิชาการ “ภาคสามบุรี เป็นหนึ่ง เรื่องการศึกษาไทย” ของสำนักงานศึกษาธิการภาค 3 ประจำปีงบประมาณ 2568
โดยนายบุญสิงห์ กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมวิชาการดังกล่าว ซึ่งจากได้รับฟังคำกล่าวรายงานทำให้ทราบว่าวัตถุประสงค์ในการจัดมหกรรมวิชาการในครั้งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และการนำเสนอผลงานเชิงวิชาการ ในรูปแบบนิทรรศการและการเสวนา เพื่อเผยแพร่ผลการดำเนินงานที้เป็นเลิศ ตลอดจนสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่ โดยการบูรณาการทำงานร่วมกันระหว่างภาค กลุ่มจังหวัด และหน่วยงานการศึกษาในพื้นที่ ซึ่งนับเป็นเวทีสำคัญในการนำเสนอผลงานทางวิชาการ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และร่วมกันแสวงหานวัตกรรมที่จะช่วยยกระดับการศึกษาไทยให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่
ที่ปรึกษารมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ตามที่ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาครูและนักเรียนควบคู่กันไป โดยให้ความสำคัญกับการอบรมและพัฒนาศักยภาพครูให้เข้มแข็ง ลดภาระงาน และเพิ่มสวัสดิการแก่ครู เพื่อให้ครูสามารถสร้างอนาคตให้เยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ เน้นการพัฒนาครูและนักเรียนควบคู่กัน เพื่อนสร้างความเข้มแข็งด้านการศึกษาและเพิ่มคุณภาพการสอน ส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนและการจัดการเรียนการสอนที่เน้นการปฏิบัติจริง แทนการท่องจำ เน้นให้เด็กได้ลงมือทำจริงเพื่อการเรียนรู้ที่เกิดจากประสบการณ์
นอกจากนี้ยังมีการยกระดับหลักสูตรให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ โดยเฉพาะด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และภูมิศาสตร์ รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้หน้าที่พลเมืองผ่านการพัฒนาวิสัยทัศน์ของนักเรียนให้มีความรับผิดชอบและตระหนักถึงบทบาทของตนในสังคม โดยปรับปรุงเนื้อหาในหลักสูตรและหนังสือเรียนวิชา ประวัติศาสตร์ให้มีความชัดเจนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่มสัดส่วนการสอบในวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ในการวัดผลทั้งในโรงเรียนและการสอบเข้าศึกษาต่อในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และ 4 ให้วิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมืองเป็นส่วนหนึ่งของการสอบเข้าศึกษาต่อ เพื่อให้ครูและนักเรียนให้ความสำคัญกับวิชานี้เทียบเท่าวิชาหลักอื่นๆ ส่งเสริมให้นักเรียนมีความเข้าใจในหน้าที่ พลเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมากขึ้น
ดังนั้นการจัดงานมหกรรมวิชาการครั้งนี้จึงใช่เพียงการจัดแสดงผลงาน แต่ยังเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างสถานศึกษา หน่วยงานการศึกษา และภาคีเครือข่ายทีกี่ยวข้องสู่การต่อยอดและพัฒนานวัตกรรมทางการศึกษาให้ยั่งยืน ตลอดจนเป็นการกระตุ้นให้ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาร่วมกันสะท้อน พลังการขับเคลื่อนทางวิชาการและนวัตกรรมการศึกษา ที่ช่วยยกระดับคุณภาพผู้เรียน และพัฒนาการศึกษาไทยให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและมาตรฐานสากล