สูสีสุดๆ! ‘สมาคมบอล’ เผยเหตุผลตัดสินใจเลือก ‘กาญจนบุรี’ จัดคิงส์คัพ
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เผยสาเหตุเลือก จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเจ้าภาพฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 51 ในเดือน ก.ย. นี้ ยอมรับว่าตัดสินใจยากมาก สุดสูสีกับ จ.สงขลา แต่สุดท้ายเลือกเพราะยังไม่เคย, ให้เงินสนับสนุนเยอะกว่าเล็กน้อย ส่วนเรื่องสนามแม้มีจุดด้อยกว่า แต่ปรับได้
ศึกฟุตบอล "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 51 ที่จะจัดช่วง 1-9 ก.ย. นี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เปิดให้จังหวัดที่สนใจเสนอตัวรับเป็นเจ้าภาพ ซึ่งมี 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เจ้าภาพครั้งที่ 48-49, สงขลา เจ้าภาพล่าสุด ครั้งที่ 50 และ กาญจนบุรี ที่ไม่เคยเป็นเจ้าภาพ โดยจากกระแสที่ผ่านมา "สงขลา" ถูกยกเป็นตัวเต็ง มีโอกาสสูงคว้าสิทธิ 2 ปีซ้อน
ซึ่งในงาน "FA Thailand Awards" ที่สวนอาหารนาทอง เมื่อคืนวันที่ 16 ก.ค. 68 คีย์แมนของ 2 จังหวัดเต็งคือ สงขลา และ กาญจนบุรี ต่างมารอรับฟังผลอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนที่สมาคมฯ จะประกาศ ให้ กาญจนบุรี เป็นเจ้าภาพ จัดที่ สนามกีฬากลางจังหวัดกาญจนบุรี (กลีบบัว) ความจุ 7,800 ที่นั่ง
การแข่งขันครั้งนี้ มี 4 ชาติ เข้าร่วม ประกอบด้วย "แชมป์เก่า" ทีมชาติไทย อันดับ 102 ของโลก, ทีมชาติอิรัก อันดับ 58 ของโลก, ทีมชาติฮ่องกง อันดับ 147 ของโลก และทีมชาติฟิจิ อันดับ 150 ของโลก และจะเป็นครั้งแรกที่มีเงินรางวัล ทีมแชมป์ได้ 2 ล้านบาท ส่วนรองแชมป์ 1 ล้านบาท
หลังจากการประกาศผล ก็ได้มีการชี้แจงถึงเหตุผลการคัดเลือก โดย นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล สภากรรมการกลาง สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ที่เป็นประธานคัดเลือกเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 51 กล่าวว่า การพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ให้คะแนนเหมือนกับปีก่อน ที่ เชียงใหม่ กับ สงขลา เสนอตัว คือคะแนนที่วางไว้ มี โรงแรมที่พัก, สนามแข่ง, การสนับสนุนทางการเงิน ซึ่งปีที่แล้ว 2 จังหวัดใกล้เคียงกัน แต่สุดท้ายเลือก สงขลา ได้จัดในปีที่แล้ว เพราะเชียงใหม่ จัดไป 2 หนก่อนหน้าแล้ว
นายเลิศศักดิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนปีนี้มี 3 จังหวัดเสนอตัว เชียงใหม่ สงขลา และกาญจนบุรี ต่อมา เชียงใหม่ ไม่ส่งเงื่อนไขทางการเงินในการจัดแข่งขัน จึงถือว่าถอนตัวไป เหลือแค่ สงขลา กับ กาญจนบุรี ซึ่ง 2 จังหวัดนี้ ข้อดีข้อเสียต่างกันเล็กน้อย ในส่วนสนามแข่งขัน สงขลา ดีกว่า, โรงแรมที่พักไม่ต่างกัน เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของไทยอยู่แล้ว ส่วนการสนับสนุนการเงิน กาญจนบุรี เหนือกว่าเล็กน้อย เพราะฉะนั้นจากความต่างกัน จะคล้ายกับการเลือกเจ้าภาพ "คิงส์คัพ" ปีที่ผ่านมา ซึ่งใช้หลักเกณฑ์เดียวกัน ก่อนตัดสินใจเลือก กาญจนบุรี
ประธานคัดเลือก กล่าวต่อไปว่า ทราบว่า กระแสแฟนบอลทั้ง 2 จังหวัดต่างคึกคัก คณะบริหารก็มุ่งมั่นเต็มที่ แต่สุดท้ายแล้วเลือก กาญจนบุรี ที่จะเป็นเจ้าภาพคิงส์คัพครั้งแรก ต้องขอขอบคุณทั้ง 3 จังหวัดที่เสนอตัว ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากมาก เพราะทั้ง สงขลา และกาญจนบุรี ตั้งใจเต็มที่
นายเลิศศักดิ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่ กาญจนบุรี ด้อยเล็กน้อย คือเรื่องสนาม เจ้าหน้าที่ที่ไปตรวจสนามให้คำแนะนำเบื้องต้นแล้วว่า ถ้าได้รับการเลือก ต้องทำอะไรบ้าง นั่นคือต้องเพิ่มจำนวนอัฒจันทร์ ให้แฟนบอลชมแข่งขันมากขึ้น จริงๆ กาญจนบุรีมีทีมขึ้นไทยลีก อยู่แล้ว (พลังกาญจน์ เอฟซี) และสโมสรมีแผนเพิ่มจุ จาก 7,800 ที่นั่ง เป็นหมื่นกว่าที่นั่ง ซึ่งข้อดีอย่างหนึ่งในการเลือก คือ กาญจนบุรี ต้องปรับปรุงสนามแห่งนี้ ทำให้เป็นอีกหนึ่งสนามของไทย ที่ได้รับปรับปรุงให้แข่งบอลระดับนานาชาติได้
ด้าน นายสิทธิวีร์ วรรณพฤกษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ในนาม จ.กาญจนบุรี ขอขอบคุณสมาคมฯ ที่เชื่อมั่น จะร่วมกับองค์การบริหารจังหวัดกาญจนบุรี ทำอย่างเต็มที่ วางแผนเตรียมงบประมาณรองรับ มั่นใจจะทำดีที่สุด เพื่อชื่อเสียงประเทศไทย ส่วน นายแพทย์ประวัติ กิจธรรมกูลนิจ นายก อบจ.กาญจนบุรี กล่าวว่า ตนคิดว่าจังหวัดที่ไม่เคยได้รับสิทธิ ก็ควรได้โอกาส เพราะจะเพิ่มความตื่นตัวจากคนกาญจนบุรี ครั้งนี้ทางจังหวัดมอบหมาย อบจ. ซึ่งวางแผนไว้แล้ว จะเดินหน้าลุยเต็มที่ ตามไทม์ไลน์ที่วางไว้ เสร็จทันเวลาแน่นอน.