โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

ผ่าแนวคิด “ซิกเว่-ผู้นำเหนือผู้นำ” กลยุทธ์ 3A ฝ่าวิกฤตสร้างองค์กรชั้นนำ

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 7 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ซิกเว่ เบรกเก้

ในงานสัมมนา “PRACHACHAT EXCLUSIVE FORUM 2025 คน…พลิกวิกฤต” จัดโดย “ประชาชาติธุรกิจ” เมื่อ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา “ซิกเว่ เบรกเก้” ประธานคณะผู้บริหารกลุ่ม บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ชวน “ถอดสูท” ขึ้นเวทีในหัวข้อ “Leader of Leaders” ถอดความคิดเกี่ยวกับ “ผู้นำที่นำการเปลี่ยนแปลง” ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมที่รวดเร็วและรุนแรง

ข้ามชอต “วิกฤต” มองเห็น “โอกาส”

“ซิกเว่” เน้นย้ำว่า คำว่า “วิกฤต” มีสองความหมายในตัวอักษรภาษาจีน ยังหมายถึง “โอกาส” และว่า ปัญหาต่าง ๆ ทุกวันนี้ ทั้งเศรษฐกิจไม่ดี หุ้นแย่ การเมืองแย่ ล้วนเป็นเรื่อง “ระยะสั้น” จึงควรมองให้ยาว และเทคโนโลยี โดยเฉพาะ“เอไอ” คือโอกาสใหม่

พร้อมกับบอกด้วยว่า สิ่งที่เขาทำมาตลอดชีวิต คือ การกระโดดเข้าไปหาโอกาส เหมือนตอนเข้ามาบริหาร ดีแทค ในประเทศไทย เมื่อ 23 ปีที่แล้ว ในขณะนั้นธุรกิจโทรศัพท์มือถือยังไม่เป็นที่นิยม แต่เขามองเห็นว่า เป็น “โอกาส”

วันนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ย่อมต่างจากเมื่อ 10-20 ปี จึงต้องคิดใหม่ และเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ อย่างแรกที่เห็นได้ชัด คือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่ไม่เพียงข้ามพรมแดนยังรวดเร็วและบ้าคลั่ง เรียกได้ว่าเป็น “Perfect Storm” ที่พัดเข้ามา ผลักดันให้บริษัทโทรคมนาคมต้องเข้าสู่การแข่งขันกับบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก

“คู่แข่งไม่ได้จำกัดแค่ในประเทศ หรือในอุตสาหกรรมเดียวกันอีกต่อไปแล้ว ธุรกิจกลายเป็นไร้พรมแดน ดังนั้น คู่แข่งของทรู ในวันนี้ ไม่ใช่แค่เครือข่ายมือถือด้วยกัน แต่คือบริษัทระดับโลกอย่าง Netflix, Google, Amazon ที่เข้ามาหาลูกค้าในประเทศไทย”

และยิ่งมีลูกค้าใช้งานมากเท่าไหร่ ก็จะกลายเป็น “ข้อมูล” มหาศาลให้บริษัทเหล่านั้นกลับไปพัฒนา “เอไอ” ของตนได้ หากองค์กรไม่พร้อมรับมือกับความเร็ว และการแข่งขันระดับโลกก็อาจจะไม่สามารถอยู่รอดได้ใน 10 ปีข้างหน้า ด้วยว่าทุกอย่างเชื่อมโยง และร้อยเรียงกัน ดังนั้น วิกฤตต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองภายใน และต่างประเทศวันนี้ สำหรับเขาจึงเป็นแค่ “Short Term”

อย่างไรก็ตาม แม้พายุของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว แรง และเชื่อมโยงเป็น “Perfect Storm” ยังมีโอกาสที่เห็น นั่นคือ

เรื่องของ “เอไอ” ที่ประเทศไทย มี “ความเหมาะสม” และเป็นโอกาสที่ดีที่จะเป็นผู้นำในด้านนี้ได้ เพราะไทยพร้อมโอบรับเทคโนโลยีเอไอ

“ไทยมีโครงสร้างประชากร ที่เข้าถึงการใช้งานดิจิทัล และมีความสามารถในการปรับตัวเข้ากับดิจิทัลมากที่สุด สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็น ข้อมูล ของเอไอ ทำให้เรามีโอกาสที่ดีในสมรภูมิเทคโนโลยีนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าไทยจะชนะในสมรภูมิเอไอ แต่อยู่ในตำแหน่งที่ดี ที่จะชนะได้ จากอัตราการใช้เทคโนโลยีที่สูง ข้อมูลที่เกิดจากการใช้งานจึงมีคุณค่า”

ต้องเข้าไปอยู่ในใจลูกค้า

“ซิกเว่” กล่าวด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงอย่างที่สอง คือการให้บริการด้านเทคโนโลยีไร้พรมแดน แต่ก่อนที่ลูกค้าเลือกเราเพราะไม่มีทางเลือกมากนัก แต่วันนี้ Benchmark สำคัญคือ โกลบอลเทค ยักษ์ใหญ่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไอโฟน, กูเกิล, ยูทูบ, เน็ตฟลิกซ์ ต่างก้าวเข้ามาให้บริการโดยไม่มีอะไรกั้น และหลายบริการก็เหมือนกันกับเรา ทางเลือกของลูกค้าจึงมีมากขึ้น หากบริการไม่ดีพอ ลูกค้าก็พร้อมที่จะย้ายไปใช้แพลตฟอร์มหรือบริษัทอื่น ๆ ทันที

“การวัดผลการให้บริการลูกค้าจึงไม่ได้เทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันอีกต่อไปแล้ว ดังนั้น ปัญหาของบริษัทจึงไม่ได้อยู่ที่เรื่องการเงิน ผู้ถือหุ้น หรือสเปรดชีตอีกต่อไป แต่ผู้บริหารต้องเข้าไปดูเรื่องประสบการณ์ลูกค้าอย่างจริงจัง และให้เข้าใจถ่องแท้ เพื่อยกประสบการณ์ของลูกค้า เพื่อตอบโจทย์ที่ว่า เรามีความหมายอย่างไรต่อเขา”

และบริษัทที่จะอยู่รอดได้ คือ บริษัทที่เป็น Customer Champion คือ ผู้ชนะใจลูกค้า จะทำอย่างไรให้ลูกค้าได้ประสบการณ์ที่ดี ไว้ในแบรนด์ และเชื่อว่าแบรนด์จะให้ประสบการณ์ที่ดี

มนุษย์เงินเดือนยุคใหม่ ไม่เหมือนเดิม

การเปลี่ยนแปลงสุดท้าย คือ เรื่องคน แต่ก่อนพนักงานอาจรู้สึกโชคดีที่บริษัทรับเข้าทำงาน และทำงานกับบริษัทเดิมไปตลอดชีวิต แต่คนรุ่นใหม่มองกลับกันว่า เป็นบริษัทต่างหากที่โชคดีที่มีพนักงานมาทำงานให้ ดังนั้น วัฒนธรรมการทำงานที่ไม่ทำให้เห็นเส้นทางการเติบโต จะทำให้ “คน” ไม่อยากอยู่ ไม่อยากขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ก็จะย้ายงานไป

“เทรนด์นี้เป็นการเปลี่ยนแปลงระดับโลก คนรุ่นใหม่มีการเคลื่อนย้ายงาน และปรับเปลี่ยนตลอด”

สำหรับสังคมไทย มีลักษณะเฉพาะที่ดี นอกจากเป็นผู้นำเทคโนโลยี ยังเปิดใจโอบรับความแตกต่างทางวัฒนธรรม และมีวัฒนธรรมที่พยายามเข้าใจลูกค้า และเข้าใจคน เช่นเดียวกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในอเมริกา ถ้าเป็นบริษัทที่เติบโตมาก ๆ จะเป็นบริษัทที่หลอมรวมความหลากหลายทางวัฒนธรรม ดังนั้น บทบาทของ “ผู้นำ” คือ การสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้พนักงาน

3 สิ่งที่ “ผู้นำ” ต้องทำ

ผมไม่สนใจสิ่งที่เรียกว่า วิกฤต ที่มันขึ้น ๆ ลง ๆ ในระยะสั้น ผมมองไกลไปถึงอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้า ถ้าคุณอยากจะเป็นผู้ชนะ ผู้นำต้องปรับเปลี่ยนบทบาทจาก “Steady Going Leadership” สู่ “Transformational Leadership” ประกอบด้วย 3 หลักการสำคัญ คือ

1.Act Bold ทำการใหญ่อย่างกล้าหาญ

“เพราะเทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนโลกอย่างรวดเร็ว ผู้นำในประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในสหรัฐ เปลี่ยนใจเร็วมาก สังคมก็เปลี่ยนอย่างรวดเร็วเหมือนกัน ในยุคนี้ คุณไม่สามารถรอข้อมูลที่สมบูรณ์แบบได้ สิ่งสำคัญกว่าคือต้องลงมือทำ แม้จะมีข้อมูลไม่ครบ และถ้าตัดสินใจผิด ก็แค่ปรับใหม่ แล้วเริ่มทำอีกครั้ง”

“ซิกเว่” ย้ำว่า ต้องกล้าตัดสินใจ เพราะในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ผู้ที่กล้าเสี่ยง และกล้าทำสิ่งใหญ่เท่านั้นที่จะผ่านวิกฤตไปได้ดีกว่าคนอื่น การลงมือเร็วอย่างกล้าหาญ

“เรื่องนี้ใช้ได้กับทุกธุรกิจ อย่าคิดเล็ก อย่าคิดว่าสภาพแวดล้อมจะคงที่ อย่าคิดว่าแค่ปรับปรุงเล็ก ๆ ให้ดีขึ้นนิดหน่อยในปีหน้าจะเพียงพอ นั่นไม่เรียกว่ากล้าหาญ”

คำว่า กล้าหาญ คือการเปลี่ยนครั้งใหญ่ การขับเคลื่อนครั้งใหญ่ วางเป้าหมายที่กล้าหาญ กล้าที่จะเสี่ยง กล้าที่จะพูดออกมา และก้าวไปอย่างรวดเร็ว เพื่อสร้างผลกระทบที่มีความหมาย แต่แน่นอนว่า ความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้น คุณจะผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก ถ้าล้มมากเกินไปก็ไม่ดี แต่เมื่อล้มต้องเรียนรู้และก้าวต่อ และสเกลให้ได้อย่างรวดเร็ว

2.Adaptive การปรับตัว

“เป็นเรื่องยากมากสำหรับองค์กรใหญ่ที่มั่นคงอยู่แล้ว แต่เป็นสิ่งที่สตาร์ตอัพทำได้ดีโดยธรรมชาติ สตาร์ตอัพเริ่มจากไอเดีย มีทีมเล็ก ๆ ลองผิดลองถูก ทำพลาดแล้วเรียนรู้ ลองใหม่ ล้มอีกแล้วเรียนรู้อีก จนเจอไอเดียที่ใช่ แล้วจึงขยายให้เติบโต นั่นคือความสามารถในการปรับตัว”

แต่องค์กรใหญ่กลับตรงกันข้าม พวกเขามีแผนการลงทุนระยะยาว 10 ปี มีระบบจัดการความเสี่ยง มีคณะกรรมการมากมายต้องตัดสินใจ มีขั้นตอนการตัดสินใจที่ยืดยาว และพยายามลดความเสี่ยงทุกอย่างจนกลายเป็นระบบที่ดูดีบนสไลด์ แต่ไม่รอดในโลกปัจจุบัน

คำถามคือ คุณมีผู้นำที่กล้าออกจากห้องทำงานแอร์เย็น ๆ ลงมาอยู่หน้างานจริงไหม ? กล้ากลับไปสู่จุดที่เคยเป็นตอนเพิ่งเรียนจบ มีไฟ และพร้อมปรับตัวตลอดเวลา สิ่งนี้คือ “Adaptive Leadership”

สร้างองค์กรทีมเวิร์ก

“เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ผมพาทีมลงพื้นที่จริง เดินตลาดในกรุงเทพฯ และอีก 5 จังหวัด เพื่อไปเจอลูกค้าจริง ๆ ไปเรียนรู้ของจริง นั่นคือสิ่งหนึ่งของการปรับตัวที่แท้จริง ผมเองก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะปรับตัว เพราะถ้าทำไม่ได้ เราจะสู้กับสตาร์ตอัพที่เคลื่อนตัวเร็ว เรียนรู้ไว กล้าเสี่ยงไม่ได้ และวัฒนธรรมที่ปรับตัวได้จริงก็คือ องค์กรที่ให้เครดิตกับคนที่กล้าลอง แม้จะล้ม”

เพราะความผิดพลาดคือสิ่งที่ต้องเกิด ถ้าอยากเรียนรู้ สิ่งที่อันตรายจริง ๆ คือการทำพลาดแบบเดิมซ้ำ ๆ โดยไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย การกล้าเสี่ยงอย่างชาญฉลาด และยืดหยุ่น คือ หัวใจของข้อที่สอง

3.Align as One รวมเป็นหนึ่ง

ส่วนนี้ยากที่สุด เพราะเกี่ยวกับ“ทีมเวิร์ก” สิ่งที่เราต้องการคือ องค์กรที่พนักงานกล้าพูดออกมา ว่าไม่เห็นด้วยกับผู้นำ

“องค์กรแนวตั้งที่มีสายการบังคับบัญชาเยอะ จะไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว ดังที่เห็นหลายองค์กรในสหรัฐ ต้องทำให้ทีมคิดได้เอง และรายงานได้โดยตรง”

Align as One เกี่ยวกับการสร้างสะพาน ไม่ใช่“ไซโล” เป็นการรวมผู้คนที่มีความแตกต่างหลากหลายเข้าด้วยกัน เพื่อภารกิจ และเป้าหมายร่วมกัน

และสิ่งที่สำคัญอีกอย่าง คือ ความปลอดภัยทางจิตใจ (Psychological Safety) ที่ทุกคนในทีมกล้าพูด แม้จะไม่เห็นด้วยกับ “หัวหน้า” แม้เพื่อนร่วมทีมจะคิดว่าความคิดนั้นแย่ นั่นคือทีมที่สามารถเคลื่อนไหวได้เร็ว และตัดสินใจกล้าหาญได้มากพอ

เคลื่อน “ทรู” พิชิต 3 เป้าหมาย

“แน่นอนว่าการทำแบบนี้ไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะองค์กรใหญ่ที่มีระบบแบบดั้งเดิม แต่ถ้าไม่เปลี่ยน คุณจะสู้กับบริษัทใหม่ ๆ ที่คล่องตัวกว่าไม่ได้ เมื่อวานนี้ ผมเพิ่งอ่านบทความเกี่ยวกับ Jensen Huang ซีอีโอ NVIDIA มีคนรายงานตรงกับเขาถึง 42 คน ฟังดูสุดโต่งใช่ไหม ? แต่เขาบอกว่า ผมไม่อยากมีโครงสร้าง ไม่อยากมีขั้นตอนการพัฒนาแบบเดิม ๆ ถ้าคุณมาถึงระดับผมได้ คุณต้องทำผลงานให้ได้ เขาอยากให้องค์กรแบนราบที่สุด มันอาจดูวุ่นวาย แต่จำเป็น”

และว่า ตอนนี้ที่ “ทรู” ก็มีทีมที่รายงานตรงถึงผมได้แล้วกว่า 16 ทีม

“สิ่งนี้ต้องเริ่มจากผู้นำ เพราะผู้นำในวัฒนธรรมแบบนี้จะไม่ตอบคำถามด้วยคำตอบ แต่ตอบด้วย คำถาม เช่น ถ้ามีใครถามว่า บอสครับ ผมควรทำยังไงดี บอสจะตอบว่า แล้วคุณคิดว่ายังไง ถ้าคุณทำให้เขาตอบเองได้ การนำไปปฏิบัติจะทรงพลังขึ้นอีกหลายเท่า”

“ซิกเว่” เล่าว่า ที่ทรูได้จัดงานที่เรียกว่า “True Thank Day” รวบรวมพนักงาน 1,400 คนทั่วประเทศให้มาอยู่ในทีมเดียว และมีภารกิจเดียว พาผู้บริหารทุกระดับถอดสูทไปสัมผัสปัญหา และลูกค้าอย่างแท้จริง เพื่อให้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง และเพื่อร่วมกันสร้างแบรนด์ที่ไว้วางใจได้เป็น “แชมเปี้ยน” ในใจของลูกค้า

“ถือเป็นการปรับเพื่อคว้าโอกาสใหม่ อย่างแรกคือการคว้าโอกาสด้านเทคโนโลยีเอไอ ซึ่ง ทรู ตั้งเป้าที่จะเป็นบริษัทผู้นำเทคโนโลยีของไทย และในภูมิภาคนี้ อย่างที่สอง คือ ต้องเป็นแชมเปี้ยน ที่หนึ่งในใจลูกค้า และสุดท้าย เป็นสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดของพนักงาน ที่น่าภูมิใจ และมีความสุข”

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ผ่าแนวคิด “ซิกเว่-ผู้นำเหนือผู้นำ” กลยุทธ์ 3A ฝ่าวิกฤตสร้างองค์กรชั้นนำ

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ประชาชาติธุรกิจ

เที่ยวไทยคนละครึ่ง 5 แสนสิทธิ ลงทะเบียน 1 ก.ค.นี้ เช็กรายละเอียดที่นี่

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

SCG ต่อยอดกรีนโซลูชั่นสู่เวทีโลก ผนึก Serendix ปั้น SCG 3D Printing Mortar

6 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม

ผ่าแนวคิด “ซิกเว่-ผู้นำเหนือผู้นำ” กลยุทธ์ 3A ฝ่าวิกฤตสร้างองค์กรชั้นนำ

ประชาชาติธุรกิจ

SCG ต่อยอดกรีนโซลูชั่นสู่เวทีโลก ผนึก Serendix ปั้น SCG 3D Printing Mortar

ประชาชาติธุรกิจ

อินเดีย...เศรษฐกิจยังร้อนแรง เร่งเครื่องแซงต่อเนื่อง

ประชาชาติธุรกิจ
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...